Skip to main content

จบไปแล้วสำหรับการประกวด Miss Universe Thailand 2022 ซึ่งผู้ที่ได้ตำแหน่งคือแอนนา เสืองามเอี่ยม แต่แม้ว่าการประกวดจะจบแต่ดราม่ายังไม่ยอมจบง่ายๆ จนกลายเป็นว่าการประกวดนางงาม (ในประเทศไทย) กับดราม่าเป็นของคู่กัน แทบจะไม่มีปีไหนที่จะไม่มีดราม่า ปีนี้ก็เช่นเดียวกันที่มีดราม่าก่อตัวขึ้นมาตั้งแต่เริ่มประกวดเลยก็ว่าได้

สายสปีช vs สายเพอร์ฟอร์มแมนซ์

ในช่วงแรกก่อนที่แอนนา เสืองามเอี่ยม จะถูกจับตา ดูเหมือนว่าการประกวด Miss Universe Thailand 2022 ครั้งนี้ จะเป็นการขับเคี่ยวกันระหว่างตัวเต็ง นิโคลีน พิชาภา นางงามที่เคยได้รางวัลรองอันดับหนึ่งมิสเวิลด์ในปี 2018 มาแล้ว ซึ่งเป็นตัวแทนของสายสปีช เพราะนอกจากความสวย ประสบการณ์การประกวดนางงามแล้ว เธอยังสามารถตอบคำถามได้ฉะฉาน “ไม่ตายไมค์” กับอาย กัญญาลักษณ์ สาวงามที่มากประสบการณ์ไม่แพ้กัน เคยได้รับรางวัลชนะเลิศ Elite Model Look Thailand 2016 มาแล้ว และเคยเป็นมิสแกรนด์ระยองมาอีกด้วย เธอเป็นตัวแทนของสายเพอร์ฟอร์มแมนซ์ ที่มาพร้อมการเดินที่ได้รับการยกย่องว่า ‘ฟาด’ ที่สุด กายหยาบดีที่สุด แต่ถูกตีตราว่า “ตายไมค์” 

ในขณะที่ยังไม่ถึงรอบพรีลิมด้วยซ้ำไป แต่ดราม่าระหว่างกองเชียร์นางงามก็เริ่มก่อตัวขึ้นแล้ว ฝั่งหนึ่งกล่าวว่าถ้าอาย กัญญาลักษณ์ ได้ตำแหน่ง Miss Universe Thailand 2022 พอไปประกวด Miss Universe ต้องตายไมค์แน่นอน (หมายถึงตอบคำถามไม่ได้) เพราะฉะนั้นต้องส่งสายสปีชไปสู้ในเวทีโลก ในขณะที่อีกฝ่ายก็บลัฟว่าปีที่ผ่านมา (แอนชีลี) ส่งสายสปีชไปแล้วเป็นไงล่ะ แล้วสายสปีชน่ะ จะเข้ารอบลึกๆ ไปได้จนได้จับไมค์ไหมก็ไม่รู้ เพราะฉะนั้นส่งสายเพอร์ฟอร์มแมนซ์ไปสู้ดีกว่า อย่างน้อยก็ไม่ตายลาติน (หมายถึงสู้กับสาวงามแถบลาตินได้) 

ความน่าสนใจและเศร้าใจในดราม่าของกองเชียร์นางงามก็คือ การต่อสู้กันบลัฟกันด้วย ‘การเหยียด’ นิโคลีนนั้นนอกจากจะถูกกล่าวว่าจะตายลาตินด้วยการเดินทรี่ยังไม่ฟาดมากนัก ยังไม่ยังถูกเหยียดเรื่องส่วนสูง รูปร่าง อีกด้วย โดยเฉพาะส่วนสูงที่มาพร้อมประเด็นว่า ‘เตี้ย’ ไป ในขณะที่อาย กัญลักษณ์ ถูกเหยียดตั้งแต่การถูกนิยามว่า ‘หน้าปูปลาร้า’ ด้วยลักษณะใบหน้าที่โหนกแก้มสูงที่มักจะถูกสเตอริโปไทป์ว่าเป็นโครงหน้าของชาวอีสาน แม้นัยหนึ่งจะมีการกล่าวว่าการกล่าวเช่นนี้ไม่ใช่การเหยียด แต่เป็นคำชมว่าหน้าสวยเก๋ แต่เรากลับไม่เห็นการนิยามที่ยึดโยงเอกลักษณ์พื้นถิ่นแบบนี้กับความสวยงามจากภาคอื่นๆ เช่น หน้าน้ำบูดู หน้าน้ำพริกหนุ่ม ฯลฯ การพยายามสร้างสเตอริโอไทป์ของคนอีสานนัยหนึ่งมันก็คือการสร้างความเป็นอื่นนั่นเอง

ไม่เพียงแค่นั้น อาย กัญลักษณ์ยังถูกกระแสกองเชียร์นางงามกล่าวว่า ‘ไม่แพง’ อีกด้วย ซึ่งเป็นการเหยียดโดยรวม ที่มาจากทั้งหน้าตา รวมไปถึง ‘จริต’ ของเธอ จังหวะการเดิน การเล่นสายตา อารมณ์ ฯลฯ ที่ถูกมองว่า เอิ้กอ้ากเกินไป ไม่แพง ดูเป็นมิสแกรนด์มากกว่าจะเป็นมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ นัยหนึ่งมันก็คือการเหยียดอีกหนึ่งเวทีอีกทอดหนึ่งนั่นเอง

อาจจะเป็นเพราะเวทีการประกวดนางงาม ไม่ว่าจะเป็นมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ หรือเวทีไหน มันเป็นการประกวดว่าด้วยรูปร่างหน้าตา ประเด็นเรื่องรูปร่างหน้าตาจึงกลายมาเป็น ‘เป้า’ ในการวิพากษ์วิจารณ์อย่างมากในการประกวดแต่ละครั้งที่ผ่านมา ครั้งหนึ่งน้ำตาล ชลิตา มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2016 ก็เคยถูกเหยียดว่า ‘เตี้ย’ เกินไป การที่เธอได้รับตำแหน่งมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ หรือการที่กองประกวดเลือกเธอไปเป็นตัวแทนในการประกวดมิสยูนิเวิร์ส น่าจะเป็นการเลือกที่ผิด แต่เธอก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วกับการผ่านเข้ารอบ 6 คนสุดท้าย 

และการที่ประเด็นเรื่องรูปร่างหน้าตากลายมาเป็นประเด็นที่แฟนนางงามนำมาเหยียดมาบลัฟกันในการประกวดมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์อย่างมากในปีนี้ ส่วนหนึ่งนั้นอาจจะมาจากกระแสดราม่าของกาารประกวดในปีที่ผ่านมา ที่แอนชิลี ผู้มาพร้อมรูปร่างในอีกแบบที่ถูกมองว่าไม่เป็นไปตามมาตรฐานตามขนบของการประกวดนางงามได้ตำแหน่งมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ไป และทำผลงานไม่ดีบนเวทีระดับโลก ซึ่งทำให้แฟนนางงาม ‘สาป’ และส่งเสียงถึงกองประกวดว่า ‘อย่าหาทำ’ อีก และเรียกร้องให้คัดเลือกนางงามตัวแทนประเทศไทยตาม ‘มาตรฐานนางาม’ คือสวยและหุ่นดี 

สวยและหุ่นดีก็ไม่พอ แต่ยังต้อง...

ข้อถกเพียงเรื่องสายสปีชและสายเพอร์ฟอร์มแมนซ์บนเวทีนางงามในครั้งนี้ ที่จริงมันก็คือข้อถกเถียงสุดคลาสสิกที่ผู้หญิงทั่วโลกถูกคาดหวังและตีตรามานมนาม นั่นก็คือ สวยแต่โง่ หรือ ฉลาดแต่ไม่สวย และเหมือนเวทีนางงามจะยังตอกย้ำมากขึ้นไปอีกว่า มีแค่อย่างใดอย่างหนึ่งคงไม่พอ

มีคำๆ หนึ่งที่ถูกหยิบมาใช้ในกระแสการเชียร์นางงามของแฟนนางงามครั้งนี้ก็คือ ‘พร้อมส่งออก’ แม้ทีแรกจะฟังดูเหมือนว่ากำลังพูดถึง ‘สินค้า’ อะไรบางอย่างมากไปกว่าการพูดถึงมนุษย์ แต่หากพูดกันจริงๆ ก็จะพอเข้าใจกันได้ว่าการประกวดนางงามนั้นก็คือการสร้าง ‘สินค้า’ นั่นเอง 

คำว่าพร้อมส่งออก (ที่มักจะใช้กับนิโคลีน) กลายมาเป็นคำกระทบกระเทียบทั้งต่ออาย กัญญาลักษณ์ และแอนนา เสืองามงามเอี่ยม โดยเฉพาะประเด็นเรื่อง ‘การพูดภาษาอังกฤษ’ ได้ จนเกิดเป็นดราม่าระหว่าง #ทีมอายกัญ กับ #ทีมนิโคลีน มาแล้ว ซึ่งมีการบลัฟกันว่า หากจะไปสู่จักรวาลจะต้องสื่อสารกับกองประกวดเมืองนอกได้ หากได้รางวัลก็ต้องทำงานในระดับโลกก็ต้องใช้ภาษาอังกฤษในกาารสื่อสาร ทางกองมิสยูนิเวิร์สคงจะอยากได้คนที่สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้จะได้ทำงานได้ เพราะฉะนั้นจึงควรส่งคนที่พูดภาษาอังกฤษได้ หรือพร้อมส่งออกไปจะดีกว่า

ไม่พอ ยังมีการกระแสของการเชิดชู ‘ความเป็นไทย’ โดยมีการกล่าวว่าควรจะส่งสาวหน้าไทย (แอน กัญญาลักษณ์ หรือเฟิร์ส หวัง) ไปสู้ในเวทีโลกจะดีกว่าการส่งสาวลูกครึ่งที่ไม่สามารถสร้างความแตกต่างบนเวทีการประกวด ด้วยเพราะหน้าก็จะเหมือนๆ กันไปหมด และอาจจะตายลาตินด้วยซ้ำไป เพราะฉะนั้นสาวหน้าไทยจึงเป็นโอกาสที่จะทำให้สาวไทยคว้ามงสามมาได้ 

ยุทธศาสตร์จากการคาดเดาของแฟนนางงามกลับก่อให้เกิดการกดทับและการเหยียดกันไปมา ไม่ว่าจะเป็นประเด็นเรื่องภาษาอังกฤษ ที่หากมองไปยังการประกวดที่ผ่านมาก็จะเห็นว่า Iris Mittenaere สาวงามจากฝรั่งเศส มิสยูเวิร์สปี 2016 ก็ใช้ภาษาฝรั่งเศในการตอบคำถาม หรือ Andrea Meza สาวงามจากเม็กซิโกมิสยูเวิร์สปี 2020 ก็ใช้ภาษาสเปนในการตอบคำถามเช่นเดียวกัน หรือในกรณีหน้าไทยไม่ไทย นอกจากปัญหาของการนิยามว่าไทยคืออะไร (อายกัญกับเฟร์สหวังก็หน้าไปคนละทาง) สาวไทยทั้งลูกครึ่งและไม่ใช่ลูกครึ่ง ไม่ว่าจะเป็น ชลิตา มารีญา ฟ้าใส ต่างก็ทำผลงานได้ดีไม่แพ้กัน จนไม่สามารถจะบอกได้ว่าหน้าแบบไหน ไทย(แท้)หรือลูกครึ่งที่จะการันตีได้ว่าจะสามารถทำผลงานได้ดีกว่า

นี่ยังไม่นับรวมว่าไม่มีใครรู้คะแนนจริงๆ ว่าการตอบคำถามโดยไม่ใช่ภาษาอังกฤษจะทำให้คะแนนลดลงไหม หรือหน้าตาสาวผิวขาวหรือสาวผิวสีจะได้คะแนนมากกว่ากัน หรือแม้กระทั่งอะไรกันแน่ที่ทำให้มงลงสาวงามประเทศนั้นๆ 

แอนนา เสือทองเอี่ยม มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ตคนล่าสุดจึงกลายเป็นเหยื่อคนใหม่ เพราะเธอไม่ได้ถูกวางไว้ว่าเป็นตัวแทนสายสปีชหรือสายเฟอร์ฟอร์มแมนซ์ สิ่งเดียวที่จะทำให้เธอพ้นจากคำ ‘สาป’ คือการคว้างมงสามมาให้ได้เท่านั้น กับกลายเป็นว่าดราม่าทั้งหลายยิ่ง ‘กดทับ’ ลงบนบ่าของเธอมากขึ้นไปอีก ในขณะเดียวกัน ดราม่าเหล่านี้ก็จะไม่มีวันจบสิ้นไม่ว่านิโคลีน หรือ อาย กัญญาลักษณ์ จะคว้ามงไป เพราะหนทางที่จะจบข้อถกเถียงได้มีหนทางเดียวเช่นกันคือต้องได้มงสาม หากนิโคลีนได้มงไปสู่จักรวาลและไม่ได้ตำแหน่งกลับมาก็จะถูกสาปว่าเป็นไงล่ะเอาสายสปีชไป ในทางกลับกันหากเป็นอายกัญก็จะมีคำพูดตามมาที่ว่าเป็นไงล่ะ เอาคนตายไมค์ไป 

มากไปกว่านั้นก็คือดราม่าเหล่านี้ ล้วนสร้าง ‘พิษ’ ในวงการการเชียร์นางงาม เพราะมันเต็มไปด้วย Hate Speech ที่เหยียดและกดทับผู้หญิงทั้งเรื่องรูปร่างหน้าตา ชาติพันธ์ุ ชนชั้นที่เกี่ยวเนื่องไปยังการศึกษา เรียกได้ว่าแทบจะครบในประเด็นที่โลกนี้กำลังรณรงค์ให้มนุษย์ในสังคมโลกยุติเรื่องเหล่านี้ และดราม่าและการเหยียดทั้งหลายนั้นยิ่ง Irony มากขึ้น เมื่อมันเกิดอยู่ในเวทีการประกวดนางงามมิสยูนิเวิร์ส ที่ยุค WME-IMG พยายามจะลบภาพของยุคทรัมป์ที่เชิดชูความสวยตามขนบ และหันมาเน้นเรื่องสังคม สิทธิมนุษยชน ความเสมอภาค การเคารพซึ่งความแตกต่างหลากหลาย 

แต่กลับกลายเป็นว่าดราม่าทั้งหลายที่เกิดขึ้นทำลายวัตุประสงค์ของเวทีการประกวดของเวทีนี้ลงอย่างสิ้นเชิง