Skip to main content

วันนี้ (30 มิ.ย.) ตั้งแต่เวลา 08.30 น. สถานการณ์การสู้รบวันที่ 5 เพื่อแย่งชิงพื้นที่ยุทธศาสตร์ที่สำคัญในรัฐกะเหรี่ยง ประเทศเมียนมา หลังการยิงปะทะกันอย่างดุเดือดระหว่างทหารกะเหรี่ยงเคเอ็นยู กับทหารเมียนมา ในเขตอำเภอซูการี จังหวัดเมียวดี ฝั่งตรงข้ามกับห้วยแม่หม้าย หมู่ที่ 2 บ้านวาเล่ย์ใต้ อำเภอพบพระ จังหวัดตาก ตลอดทั้งคืนที่ผ่านมาเครื่องบินรบของกองทัพเมียนมา 2 ลำ บินเข้าไปทิ้งระเบิดหลายลูกในพื้นที่แนวปะทะรอบฐานบ้านอูเกรทะ และมีการยิงปะทะภาคพื้นดินระหว่างทหารทั้งสองฝ่ายที่ต่างฝ่ายต่างเสริมกำลังประจันหน้ากัน และระดมยิงอาวุธหนักใส่กันยาวมาถึงช่วงเช้าวันนี้ การปะทะก็ยังไม่ยุติ แต่กลับเพิ่มความรุนแรงมากขึ้นในการแย่งชิงพื้นที่ฐานบ้านอูเกรทะ

และเมื่อเวลา 08.40 น. มีเครื่องบินรบทหารเมียนมาบินเข้าไปยิงจรวดหลายสิบลูกถล่มเข้าไปในบังเกอร์หลบภัยของทหารกะเหรี่ยงเคเอ็นยูที่หลบซ่อนตัวอยู่ใกล้กับฐานอูเกรทะ

ขณะเดียวกัน ผลกระทบจากสงครามที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ตามแนวชายแดนไทย-เมียนมา คือผู้หนีภัยจากการสู้รบ หลังมีการโจมตีทางอากาศทั้งวันทั้งคืน และโจมตีทางอากาศโดยใช้ลูกระเบิดร้ายแรงแบบคลัสเตอร์บอมบ์ ทำให้ราษฎรกะเหรี่ยงฝั่งเมียนมา ที่อยู่แนวตะเข็บชายแดนตรงข้ามกับหมู่บ้านมอเกอร์ไทย ชาวกะเหรี่ยงฝั่งเมียนมาซึ่งส่วนใหญ่เป็นเด็กและผู้หญิงและคนชราต้องหอบกระเป๋าสัมภาระเท่าที่จำเป็นหนีข้ามลำห้วยวาเล่ย์ ซึ่งเป็นลำห้วยที่กั้นพรมแดนไทย-เมียนมาหลังหมู่บ้านดังกล่าวมีลูกระเบิดปืน ค.120 มม. หลายลูกตกกลางหมู่บ้าน ชาวบ้านต้องหนีตายข้ามชายแดนแบบโกลาหล เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงอำเภอพบพระ จังหวัดตาก รับตัวผู้หนีภัยการสู้รบมาพักอาศัยในพื้นที่ปลอดภัยชั่วคราวบ้านมอเกอร์ไทย หมู่ที่ 1 ตำบลวาเล่ย์ อำเภอพบพระ โดยมียอดผู้หนีภัยรวม 307 คน ขณะนี้ยอดผู้หนีภัยยังไม่นิ่ง คาดจะหนีเข้ามาเพิ่มเติมอีก

ตลอด 4 วันที่ผ่านมา มีกระสุนปืนและลูกระเบิดลอยข้ามมาตกในเขตฝั่งไทยหลายลูก จนทหารไทยต้องยิงกระสุนควันเตือนข้ามไปหลายครั้ง สถานการณ์ชายแดนยังคงตึงเครียด และต้องจับตาติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

ขณะที่มีรายงานว่า เมื่อเวลา 12.00 น. ทหารเมียนมาส่งเครื่องบินรบซู.29 บินล้ำเข้ามาเขตไทยจำนวน 1 ลำ ลึกเข้ามาเขตไทยบริเวณบ้านวาเล่ย์ใต้ และบ้านวาเล่ย์เหนือ ประมาณ 4-5 กิโลเมตร จนมองเห็นในระยะใกล้ เพื่ออ้อมไปยิงจรวดใส่ที่มั่นฝ่ายต่อต้านฝั่งเมียนมา ประมาณ 4 รอบ

การบินล้ำมาเขตไทย พร้อมๆ กันนั้น เกิดเสียงระเบิดฝั่งเมียนมา ทำให้ราษฎรในหมู่บ้านวาเล่ย์ทั้ง 2 หมู่บ้านแตกตื่นด้วยความกลัว ชาวบ้านที่มีหลุมหลบภัยในบ้านก็หนีไปหลบในหมู่บ้าน ขณะที่ทางโรงเรียนบ้านวาเล่ย์ใต้ ประกาศฉุกเฉินให้ผู้ปกครองไปรับบุตรหลานกลับบ้าน และโรงเรียนประกาศหยุดเรียนทันที เนื่องจากเครื่องบินรบทหารเมียนมาล้ำแดนเข้ามาผ่านหลังคาอาคารเรียนของโรงเรียน ขณะที่โรงเรียนบ้านวาเล่ย์เหนือ กดสัญญาณเตือนให้นักเรียนหนีเข้าไปยังอาคารหลุมหลบภัยของโรงเรียน และยังมีชาวบ้านไปร่วมด้วย

ล่าสุดพลอากาศตรี ประภาส สอนใจดี โฆษกกองทัพอากาศ เปิดเผยว่า วันนี้ (30 มิ.ย.) หน่วยงานของกองทัพอากาศได้รายงานการตรวจพบอากาศยานไม่ทราบฝ่าย บินล้ำแดนบริเวณอำเภอพบพระ จังหวัดตาก โจมตีกองกำลังชนกลุ่มน้อยบริเวณแนวชายแดนและบินล้ำแดนเข้ามายังพื้นที่ประเทศไทย ก่อนเป้าหมายจะจางหายไปจากระบบเรดาร์เฝ้าตรวจการณ์ของกองทัพอากาศในเวลาต่อมา

นอกจากนี้ ยังตรวจพบเฮลิคอปเตอร์ปฏิบัติภารกิจอยู่ห่างจากแนวชายแดนบริเวณดังกล่าว ระยะทางประมาณ 5 ไมล์ทะเล (Nautical Mile) แต่มิได้ล้ำแดนมายังพื้นที่ประเทศไทยแต่อย่างใด

กองทัพอากาศ จึงได้มีคำสั่งให้เครื่องบินขับไล่แบบที่ 19 หรือ F-16 จำนวน 2 เครื่อง ขึ้นบินลาดตระเวนรบทางอากาศทันที บริเวณแนวชายแดนอำเภอพบพระ จังหวัดตาก และได้สั่งการผู้ช่วยทูตฝ่ายทหารอากาศ ประจำสถานเอกอัครราชทูต ณ ย่างกุ้ง ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา เพื่อแจ้งเตือนและหาแนวทางป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ในลักษณะดังกล่าวขึ้นอีกในอนาคต