รอยเตอร์ รายงานว่า เทสลา ปิดสำนักงานที่ตั้งอยู่ในเมืองซานมาเทโอ รัฐแคลิฟอร์เนีย พร้อมเลิกจ้างพนักงานประมาณ 200 คนที่ทำงานอยู่ในแผนกระบบช่วยเหลือคนขับอัตโนมัติ (Autopilot) โดยหนึ่งในพนักงานกล่าวกับรอยเตอร์ว่า ความเคลื่อนไหวนี้เกิดขึ้นเนื่องจากบริษัทต้องการลดต้นทุน และพนักงานที่ถูกเลิกจ้างส่วนใหญ่เป็นแบบรายชั่วโมง
ทั้งนี้เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา (มิ.ย.) อีลอน มัสก์ ผู้บริหารของเทสลา กล่าวกับผู้จัดการระดับสูงว่า เขารู้สึกแย่กับภาวะเศรษฐกิจ ที่ทำให้ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าจำเป็นต้องลดจำนวนพนักงานลงประมาณ 10% และต่อมามัสก์ กล่าวอีกว่า การลด 10% นี้จะใช้เฉพาะกับพนักงานที่รับเงินเดือน และคาดว่าจะเพิ่มจำนวนพนักงานแบบรายชั่วโมงแทน
ขณะที่ ราช ราชกุมาร (Raj Rajkumar) ศาสตราจารย์ด้านวิศวกรรมไฟฟ้าและคอมพิวเตอร์แห่งมหาวิทยาลัยคาร์เนกีเมลลอน กล่าวว่า เห็นได้ชัดว่าเทสลาอยู่ในโหมดการลดต้นทุน และการลดจำนวนพนักงาน บ่งชี้ว่าไตรมาสที่ 2 ของปี 2565 ค่อนข้างยากสำหรับบริษัทเนื่องจากการปิดตัวลงในเซี่ยงไฮ้ ทำให้เกิดปัญหาด้านราคาต้นทุนวัตถุดิบ และห่วงโซ่อุปทาน อีกทั้งนโยบายโควิดเป็นศูนย์ของเซี่ยงไฮ้ยังสร้างแรงกดดันให้สายการผลิตของเทสลาที่นั่นด้วย
หนึ่งในพนักงานที่ถูกเลิกจ้างเล่าให้รอยเตอร์ฟังด้วยว่า พนักงานที่สำนักงานดาวเทียมได้รับแจ้งก่อนหน้านี้ว่า พวกเขาจะต้องย้ายไปที่สำนักงานในพาโลอัลโตภายในเดือนนี้ หลังจากที่สัญญาเช่าในซานมาเตโอหมดอายุลง แต่คนงานส่วนใหญ่ก็ถูกเลิกจ้างในวันอังคาร (28 มิ.ย.) สร้างความมึนงงให้กับเหล่าพนักงานที่รับทราบข่าว จึงมีการคาดเดาว่า เทสลาจะย้ายงานบางส่วนไปให้พนักงานที่มีค่าแรงขั้นต่ำในเมืองบัฟฟาโล รัฐนิวยอร์ก ทำแทนเพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย อย่างไรก็ตาม ทางเทสลายังไม่ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นต่อเรื่องนี้
ทั้งนี้ พนักงานหลายคนที่ทำอยู่ในซานมาเตโอของเทสลา ทำงานเกี่ยวกับคำอธิบายประกอบข้อมูล โดยจะตรวจสอบและติดป้ายกำกับภาพต่างๆ ที่รวบรวมจารถยนต์เทสลา เพื่อสอนระบบช่วยเหลือคนขับอัตโนมัติของรถถึงวิธีจัดการกับสถานการณ์บนท้องถนนบางประเภท
นอกจากนี้ อีลอน มัสก์ ยังบอกด้วยว่า โรงงานแห่งใหม่ของเทสลาในเท็กซัส และเบอร์ลิน เป็นเตาหลอมเงินขนาดยักษ์ ที่ใช้เงินหลายพันล้านเหรียญสหรัฐฯ