Skip to main content

สุพัฒนพงษ์ พันธ์มี​เชาว์​ รองนายก​รัฐมนตรี​และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน​ ระบุถึง มาตรการขอความร่วมมือจากโรงกลั่นเอกชนนำเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเป็นเวลา 3 เดือน​ ว่า​ ได้มีการพูดคุยกันและคาดว่าจะหาข้อยุติ​ได้ภายในสัปดาห์นี้​ ส่วนที่มีตัวเลขออกมา 7-8 พันล้านนั้น​ อย่าเพิ่งกดดันขอใช้เวลาหารือเพื่อหาตัวเลขที่เหมาะสมและรับได้ทั้ง 2 ฝ่าย​ ซึ่งยังตอบไม่ได้ว่า​จะมากกว่าหรือน้อยกว่าตัวเลขดังกล่าว​ ทั้งนี้ทางตัวแทนน้ำมันเชื้อเพลิง​กระทรวง​พลังได้ชี้แจงและขอความร่วมมือจากผู้ประกอบการโรงกลั่น​

ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า​ โรงกลั่นจะต้องส่งเงินเข้ากองทุนน้ำมันหรือไม่หากมีการออกเป็นนโยบายมาแล้ว สุพัฒนพงษ์ ตอบว่า​ คงต้องดูความร่วมมือให้เข้าใจตรงกัน​และเข้าไปดูวิธีทางช่องทางการกฎหมาย​ ซึ่งรัฐบาลยังไม่อยากใช้อำนาจในการไปบังคับโรงกลั่น​แต่อาศัย​ความร่วมมือ​และจำนวนเงินที่ตกลงกันได้ที่จะช่วยสนับสนุน​ผ่านช่องทางไหนก็ต้องไปดูกันอีกครั้ง

ส่วนที่พรรคกล้าได้มีการแถลงเมื่อวานนี้ (20 มิ.ย.)​ ว่าควรที่จะออกมาเป็น พ.ร.ก. เพื่อเป็นแนวทางให้โรงกลั่น​ สุพัฒนพงษ์​ ระบุว่า กรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า​ อาจจะมีความรู้ทางกฎหมาย​ ซึ่งจากนี้ต้องหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทางกฎหมาย​ ซึ่งการพูดคุยในตอนนี้คุยกันบนพื้นฐานความร่วมมือของผู้ประกอบการโรงกลั่นที่ยินดีให้ความร่วมมือขออย่าสร้างเงื่อนไข​ ส่วนผลลัพธ์​จะเป็นยังไงขอให้รอผลการประชุ​มภายในสัปดาห์นี้​

ผู้สื่อข่าวยังถามต่อว่าหากได้ข้อสรุปแล้วจะสามารถประกาศ​ใช้ได้เลยหรือนำเข้า ครม.สัปดาห์หน้าหรือไม่นั้น​ สุพัฒนพงศ์ระบุว่า​ ขอให้รอดู​ ซึ่งที่ประชุม ครม. ในวันนี้ได้รับทราบถึงแนวทางความร่วมมือ​

ส่วนแผนการช่วยเหลือระยะยาวนั้น รมว.พลังงาน​ ยอมรับว่าโจทย์ใหญ่ที่ต้องไปดูถึงสาเหตุ​ ขณะนี้ปัญหาอยู่ที่น้ำมันดีเซลที่ปรับตัวขึ้นตามกลไกตลาด​ ซึ่งคาดว่ามาตรการ​ระยะยาวจะเป็นความช่วยเหลือ​ ในเฉพาะกลุ่มเปราะบาง​และผู้ที่ได้รับผลกระทบจริงๆ​ พร้อมระบุว่า​สถานการณ์​จับทางยากและ​วิกฤตพลังงานเกิดขึ้นทั่วโลก​ซึ่งหากจะทำการสิ่งใด​ต้องคำนึงถึงอัตราเงินเฟ้อและค่าครองชีพด้วย​