Skip to main content

พล.ต.ต.จิรสันต์  แก้วแสงเอก รอง ผบช.น. ดูแลงานจราจร พร้อมด้วย พล.ต.ต.นิธิธร จินตกานนท์ รองผบช.น. ร่วมประชุมกับรอง ผบก.จร , และ รอง ผบก.น.1-9 และวีดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจรับผิดชอบงานจราจร กรณีการบังคับใช้กฎหมายกรณีประชาชนไม่มาชำระค่าปรับตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก  

โดย พล.ต.ต.จิรสันต์ เปิดเผยว่า ปัจจุบันมีปัญหาอุบัติเหตุจราจรค่อนข้างมาก สาเหตุเกิดจากการไม่ปฏิบัติตามกฎจราจร แต่การบังคับใช้กฎหมายไม่มีการมาชำระค่าปรับและกระทำผิดซ้ำ ทาง บช.น. ภายใต้นโยบายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยพล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รองผบ.ตร. สั่งการชับการปฏิบัติ ให้ทาง บช.น. มีแนวทางในการบังคับใช้กฎหมายกับผู้กระทำความผิดตามกฎหมายจราจร และไม่มาชำระค่าปรับภายในระยะเวลาที่กำหนด หลังที่ผ่านมาพบว่ามีผู้ที่กระทำความผิดตามกฎหมายจราจรแล้วไม่ไปชำระค่าปรับจำนวนมาก และยังคงมีพฤติการณ์ที่ฝ่าฝืนกฎหมายจราจรซ้ำๆ เป็นเหตุให้เกิดอุบัติเหตุทางถนนและเกิดปัญหาการจราจร สร้างความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินรวมถึงภาพลักษณ์ของประเทศอย่างต่อเนื่อง บช.น.จึงได้กำหนดมาตรการในการบังคับใช้กฎหมายดังกล่าว เพื่อส่งเสริมให้ผู้ขับขี่มีวินัยจราจร ซึ่งจะช่วยลดปัญหาอุบัติเหตุและปัญหาจราจรในกรุงเทพมหานครได้ในระดับหนึ่ง 

โดยมีขั้นตอนการปฏิบัติ ดังนี้ เจ้าพนักงานจราจรออกใบสั่งให้กับผู้กระทำความผิดตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 ทั้งแบบความผิดซึ่งหน้าและความผิดที่ตรวจจับด้วยกล้องตรวจจับการกระทำความผิด ระยะเวลาเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด จากนั้นกรณีผู้กระทำความผิดไม่มาชำระค่าปรับ เมื่อพ้นระยะเวลาที่กำหนดไว้ในใบสั่งแต่ละประเภท เจ้าพนักงานจราจรจะออกหนังสือแจ้งการไม่ปฏิบัติตามใบสั่ง หรือใบเตือน 1 ครั้งโดยจัดส่งทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับภายใน 15 วัน นับแต่วันครบกำหนดชำระค่าปรับในใบสั่ง โดยให้ถือว่าเจ้าของหรือผู้ครอบครอง ได้รับแจ้งเมื่อพ้นกำหนด 15 วัน นับแต่วันส่ง และต้องชำระค่าปรับภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้ง โดยผู้กระทำความผิดสามารถเลือกชำระค่าปรับ ได้ที่สถานีตำรวจทุกสถานีทั่วประเทศ, ช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ ของธนาคารกรุงไทย,  เค้าเตอร์เซอร์วิสที่มีสัญลักษณ์ PTM และทางไปรษณีย์

“จากนั้นกรณีพ้นระยะเวลาที่กำหนดไว้ในใบเตือน และผู้กระทำความผิดยังไม่มาชำระค่าปรับ นอกจากการส่งข้อมูลไปยังกรมการขนส่งทางบกเพื่อดำเนินการตามมาตรการงดออกเครื่องหมายการเสียภาษีประจำปีแล้ว พนักงานสอบสวนจะออกหมายเรียกผู้ต้องหาเพื่อให้มาชำระค่าปรับ หากไม่มาพบตามหมายเรียกทั้ง 2 ครั้ง พนักงานสอบสวนจะยื่นคำร้องขออนุมัติศาลในเขตพื้นที่เพื่อออกหมายจับ ส่วนกรณีถูกออกหมายเรียก หรือหมายจับ ผู้ต้องหาจะถูกแจ้งข้อกล่าวหา ตามข้อหาที่ผู้ต้องหากระทำผิดตามใบสั่ง และความผิดข้อหาตาม ม.155 “ผู้ใดไม่ปฏิบัติตาม ม.141 ชำระค่าปรับในเวลาที่กำหนดในใบสั่ง โดยไม่มีเหตุอันสมควร ต้องระวางโทษ ปรับไม่เกิน 1,000 บาท ซึ่งในขั้นตอนนี้ผู้ต้องหาต้องเดินทางมาพบพนักงานสอบสวนด้วยตนเอที่ถานีตำรวจที่ออกหมายเรียก หรือหมายจับ ไม่สามารถชำระผ่านช่องทางต่างๆ ตามที่กล่าวมาได้” รอง ผบช.น. ดูแลงานจราจร กล่าว

พล.ต.ต.จิรสันต์ กล่าวต่อว่า ส่วนผลของการถูกออกหมายจับในคดีอาญานั้น เมื่อถูกออกหมายจับแล้ว จะถูกบันทึกในระบบฐานข้อมูลของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ  เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมตัวบุคคลที่มีหมายจับได้ทั่วราชอาณาจักร โดยใช้เทคโนโลยีในการเชื่อมฐานข้อมูลหากบุคคลที่มีหมายจับเดินทางออกนอกประเทศจะถูกจับกุมจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง และเกิดความยากลำบากในเรื่องการเดินทาง ถูกบันทึกในทะเบียนประวัติซึ่งอาจส่งผลต่อการประกอบอาชีพการทำงาน กรณีที่หน่วยงานสอบถามประวัติคดีอาญาว่าเป็นบุคคลที่มีหมายจับ เกิดความยากลำบากและความน่าเชื่อถือในการทำนิติกรรม เนื่องจากถูกออกหมายจับมีชื่ออยู่ในทะเบียนกลางทำนิติกรรมต่างๆ ไม่ได้ และกรณีผู้ต้องหามาพบพนักงานสอบสวนด้วยตนเองหรือถูกจับกุม และยินยอมเปรียบเทียบปรับให้คดีอาญาเลิกกัน หากประชาชนมีข้อสงสัยว่ามีใบสั่งค้างชำระหรือไม่  โดยความมุ่งหวังให้ประชาชนปฏิบัติตามกฎจราจรแบะลดอุบัติเหตุบนท้องถนน

ทั้งนี้ สามารถตรวจสอบได้ผ่านช่องทางใบสั่งจราจรออนไลน์สำหรับประชาชน https://ptm.police.go.th/eTicket/#/  จึงขอแจ้งประชาสัมพันธ์ให้พี่น้องประชาชนได้รับทราบ และขอความร่วมมือทุกท่านในการปฏิบัติตามกฎหมายจราจร เพื่อช่วยกันลดปัญหาการเกิดอุบัติเหตุ และปัญหาการจราจรที่เกิดจากการไม่เคารพกฎหมายจราจรและไม่มีวินัย เพื่อให้สังคมไทยเป็นสังคมที่ปลอดภัยและน่าอยู่ หากต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม สามารถสอบถามได้ที่ศูนย์ควบคุมและสั่งการจราจร (บก.02) หมายเลขโทรศัพท์ 1197 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง หรือทาง Facebook และ Twitter 1197

เมื่อถามว่ามาตรการเริ่มตั้งแต่วันนี้หรือย้อนหลังใบสั่งต่างๆ ด้วยนั้น พล.ต.ต.จิรสันต์ กล่าวว่า มาตรการดังกล่าวจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 20 มิ.ย. เป็นต้นไป และจะทำการตรวจสอบใบสั่งไม่ตรวจอายุความ เน้นบุคคลกระทำความผิดซ้ำๆ บ่อยครั้งก่อน สำหรับคนที่จ่ายค่าปรับแล้วจะถูกถอนประวัติการดำเนินคดีหรือไม่นั้น การดำเนินการมีการแจ้งให้ชำระภายใน 7 วัน ตรวจสอบอีก 30 วัน กรณีไม่จ่ายค่าปรับจะยังไม่ถูกออกหมายจับ กรณีการออกใบเตือนภายใน 15 วัน ครั้งที่ 1 แต่หากยังไม่มาจ่ายค่าปรับจะแจ้งให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดี หากออกหมายเรียกครั้งที่ 2 ไม่มาจ่าย ทางพนักงานสอบสวนจะขออนุมัติศาลออกหมายจับกรณีดังกล่าว หลังจากจ่ายค่าปรับแล้วก็จะทำเรื่องถอนหมายจับดังกล่าวออกจากระบบ  ส่วนใบสั่งที่หมดอายุความแล้วจะไม่กระทำกับการดำเนินการดังกล่าวนั้น ดำเนินการภายในเขตกรุงเทพมหานคร ยอดสูงสุดของคนที่ไม่จ่ายมากที่สุดคือ 59 ใบ ยังไม่ได้ตรวจสอบทุกพื้นที่จึงเชิญเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องตรวจสอบว่ามีพื้นที่อื่นๆ อีกหรือไม่ เพื่อดำเนินการมาตรการดังกล่าวต่อไป