กลุ่มคนรายได้น้อย และกลุ่มคนรุ่นใหม่ของไทยในปัจจุบัน กำลังเผชิญภาระค่าใช้จ่ายที่สูงเกินสมดุลชีวิต จากค่าใช้จ่ายด้านที่อยู่อาศัยคิดเป็นสัดส่วนราวร้อยละ 30 ถึง 40 ของรายได้ ร่วมกับภาระค่าใช้จ่ายเรื่องค่าเดินทางจากที่พักอาศัยราคาย่อมเยาที่อยู่ไกลจากศูนย์กลางของเมืองที่สูง
งานวิจัยของ Urban Studies Lab ศูนย์วิจัยอิสระด้านเมืองและการพัฒนาชุมชน เผยว่า ครัวเรือนบางกลุ่มของไทยมีภาระค่าใช้จ่าย ด้านที่อยู่อาศัยเฉลี่ยสูงกว่าร้อยละ 30 ถึง 40 ของรายได้ครัวเรือน และเมื่อรวมกับค่าเดินทางที่เพิ่มขึ้นจากการที่ที่อยู่อาศัยราคาย่อมเยาอยู่ไกลศูนย์กลางเมือง ทำให้ประชาชนจำนวนมาก โดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อยและกลุ่มคนทำงานรุ่นใหม่ ต้องเผชิญภาระค่าใช้จ่ายที่สูงเกินสมดุลชีวิต
งานวิจัยดังกล่าว นำเสนอในงาน “ขับเคลื่อนฐานข้อมูล และนโยบายที่อยู่อาศัย” เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2568 ที่ห้อง ACUA Co-Working Space ชั้น 1 คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อนำเสนอข้อมูลและข้อเสนอเชิงนโยบายต่อสถานการณ์ปัญหาที่อยู่อาศัยในเมืองไทย โดยมีผู้แทนจากหน่วยงานรัฐ นักวิจัย และผู้ทรงคุณวุฒิด้านการพัฒนาเมืองเข้าร่วมอย่างคับคั่ง
การศึกษานี้ ทำการสำรวจใน 4 จังหวัดนำร่อง ได้แก่ กรุงเทพมหานคร ขอนแก่น เชียงใหม่ และสงขลา พบแนวโน้มคล้ายกัน คือ Demand ของที่อยู่อาศัยราคาย่อมเยาและใกล้แหล่งงานมีสูง แต่ Supply มีจำกัด ขณะที่โครงสร้างข้อมูลที่อยู่อาศัยจากภาครัฐยังไม่เชื่อมโยงเป็นระบบเดียว

ที่มา Urban Studies Lab
Urban Studies Lab ได้นำเสนอแนวทางการพัฒนาที่อยู่อาศัยในสามมิติ เพื่อตอบสนองต่อปัญหาที่เกิดขึ้น โดยการสร้างเครื่องมือวัดผลกระทบในระดับย่าน เพื่อทำความเข้าใจสถานการณ์จริง การพัฒนากลไกและระบบสนับสนุนให้คนเข้าถึงที่อยู่อาศัยได้มากขึ้น และการกำหนดยุทธศาสตร์เมืองในระยะยาวเพื่อให้เกิดระบบที่อยู่อาศัยสำหรับทุกคนอย่างแท้จริง ทีมวิจัยชี้ว่า หากไม่มีฐานข้อมูลที่แข็งแรงและเชื่อมโยงอย่างเป็นระบบ การกำหนดนโยบายก็จะไม่สามารถแก้ปัญหาได้ตรงจุด
หนึ่งในไฮต์ไลท์สำคัญคือ การเปิดตัว Thai Housing Data Portal แพลตฟอร์มข้อมูลและการวิเคราะห์ที่อยู่อาศัยเชิงพื้นที่ ซึ่งเป็นฐานข้อมูลกลางด้านที่อยู่อาศัยของประเทศ ภายใต้บันทึกข้อตกลงความร่วมมือการพัฒนาข้อมูลเปิดด้านที่อยู่อาศัยแห่งชาติ ของการเคหะแห่งชาติ, สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน), หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) และมูลนิธิสถาบันศึกษาเมือง เพื่อรวบรวมข้อมูลจาก สำนักงานสถิติแห่งชาติ, ศูนย์กลางข้อมูลเปิดภาครัฐ และ ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) โดยใช้ระบบ CKAN เพื่อจัดเก็บและเชื่อมโยงข้อมูลแบบเปิด
ข้อมูลที่นำเสนอครอบคลุม 6 กลุ่มหลัก ได้แก่ ลักษณะที่อยู่อาศัย ลักษณะครัวเรือน ข้อมูลประชากร เศรษฐกิจ โครงสร้างพื้นฐานโดยรอบ และสิ่งแวดล้อมรอบที่อยู่อาศัย ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงบริการสำคัญ 3 ส่วน ได้แก่ Housing Profile สำหรับรายงานสถานการณ์ที่อยู่อาศัยรายจังหวัด, Housing Stock ที่ช่วยเชื่อมโยงกลุ่มเป้าหมายพิเศษ เช่น ผู้สูงอายุ ผู้มีรายได้น้อย First Jobber และแรงงานสร้างสรรค์ กับโครงการที่พักที่เหมาะสม และ ระบบนำเข้าข้อมูล สำหรับการอัปเดตข้อมูลจากหน่วยงานต่าง ๆ ให้มีความต่อเนื่องและน่าเชื่อถือ
อีกแพลตฟอร์มหนึ่งที่มีการนำเสนอคือ Urban Sleeping Lab ที่พัฒนาขึ้นเพื่อแก้ปัญหาค่าที่พักอาศัยสูงและการเดินทางไกลของคนวัยทำงานในเมือง โดยใช้ Matching System ที่อิงข้อมูล GIS เพื่อแนะนำที่พักแบบ Co-living ที่เหมาะสมกับทั้งงบประมาณและไลฟ์สไตล์ ปัจจุบันได้ทดลองกับอาคารตัวอย่างกว่า 50 แห่งในพื้นที่เกาะรัตนโกสินทร์ เพื่อสร้างฐานข้อมูลอาคารเก่าและอสังหาริมทรัพย์ที่สามารถปรับปรุงเป็นที่พักแบบผสมผสานใหม่ได้ ระบบนี้ยังออกแบบให้จัดอันดับตัวเลือกที่พักตามความต้องการ และจับคู่ที่พักอาศัยให้ตรงกับไลฟ์สไตล์ของผู้ใช้งาน ทั้งด้านราคา สิ่งอำนวยความสะดวก และระยะทาง โดยมีเป้าหมายเพื่อทำให้การเป็น “คนเมือง” ไม่ได้หมายถึงการต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายที่เกินกำลังอีกต่อไป

ที่มา Urban Studies Lab
ดร.พงษ์พิศิษฐ์ หุยากรณ์ จาก Urban Studies Lab ย้ำว่า “หากไม่มีฐานข้อมูลที่แข็งแรงและเชื่อมโยงเป็นระบบ การออกนโยบายด้านที่อยู่อาศัยก็จะไม่สามารถแก้ปัญหาได้ตรงจุด”
ขณะที่ รศ.ดร.บุษรา โพวาทอง จากคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ภาควิชาเคหะการ กล่าวว่า “การแก้ปัญหาที่อยู่อาศัยเป็นเรื่องระยะยาว ต้องอาศัยการทำงานที่จริงจังและสม่ำเสมอในสามด้านหลัก หนึ่ง การระบุประเด็นปัญหาที่สำคัญที่สุดเพื่อผลักดันเมือง ไม่ใช่ทำทุกเรื่องพร้อมกัน สอง การใช้ประโยชน์จากกลไกที่มีอยู่แทนการสร้างใหม่ เพื่อลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพ และสาม การบูรณาการเข้าไปในแผนเทศบาลและหน่วยงานหลัก เพื่อให้เชื่อมโยงกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีได้อย่างแท้จริง”
การนำเสนองานวิจัยนี้มีผู้แทนหลายภาคส่วนเข้าร่วม เช่น ผู้ช่วยผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ, รองผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (พอช.), ผู้แทนจากสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ตลอดจนคณาจารย์จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และนักวิจัยอิสระ มาร่วมแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นเชิงนโยบาย
ทั้งนี้ การจัดเวทีมีเป้าหมายเพื่อสร้างความตระหนักต่อสถานการณ์ที่อยู่อาศัย, เปิดพื้นที่ให้เกิดการแลกเปลี่ยนเชิงนโยบาย, และเชิญชวนภาคส่วนต่าง ๆ ให้เข้ามาใช้งานแพลตฟอร์มข้อมูลใหม่ ๆ เพื่อร่วมกันออกแบบอนาคตของระบบที่อยู่อาศัยของไทย
ท้ายที่สุด การแก้ปัญหาที่อยู่อาศัยไม่ใช่เพียงการสร้างบ้านเพิ่ม แต่เป็นการสร้างกลไกข้อมูล ระบบ และยุทธศาสตร์เมืองที่เชื่อมโยงทุกภาคส่วน เพื่อทำให้เมืองไทยเป็น “เมืองน่าอยู่สำหรับทุกคน” อย่างแท้จริง
ผู้ที่สนใจสามารถเข้าไปที่เว็บไซต์
Thai Housing Data Portal
Urban sleeping lab