Skip to main content

 

“เลิกงานแล้ว แต่งานไม่เลิก” ผลสำรวจล่าสุดของบริษัทไมโครซอฟต์ พบว่า พนักงานออฟฟิศปัจจุบันมีชั่วโมงทำงานที่ “งอก” ออกมาหลังเวลาเลิกงานที่ยาวนานขึ้น และยังคงต้องทำงานแม้จะเป็นวันหยุดเสาร์อาทิตย์

ไมโครซอฟต์ เผยว่า ปัจจุบันพนักงานบริษัทต้องทำงานนอกเวลาเพิ่มขึ้นจนถึงดึกดื่น รายงานของไมโครซอฟต์ที่เผยแพร่เมื่อกลางเดือนมิถุนายน พบว่า มีงานที่ขยายออกมาจากชั่วโมงการทำงานปรกติ เช่น การประชุมคุยงานตอน 20.00 น. เพิ่มขึ้นร้อยละ 16 จากปีที่แล้ว และจำนวนการรับส่งข้อความเรื่องงานหลังชั่วโมงทำงานมีมากกว่า 50 ข้อความต่อวัน

ไมโครซอฟต์ ทำการสำรวจข้อมูลจากพนักงานประจำที่ทำงานออฟฟิศจำนวน 31,000 คนจาก 31 ประเทศ ในระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ถึงมีนาคม 2025

การสำรวจพบว่า มีพนักงานเกือบร้อยละ 20 ที่ต้องทำงานในวันหยุดสุดสัปดาห์ และต้องเช็คอีเมลก่อนเวลาเที่ยงของวันเสาร์และอาทิตย์ และมีพนักงานมากว่าร้อยละ 5 ที่ต้องคอยเปิดดูกล่องข้อความบ่อยๆ ในช่วงเย็นวันอาทิตย์

ไมโครซอฟต์ ระบุว่า ชั่วโมงทำงานที่งอกหรือขยายออกมา เกิดจากการที่บริษัทมีทีมงานในหลายประเทศทั่วโลกซึ่งมีไทม์โซนต่างกัน และต้องประสานงานกัน ผนวกกับความคาดหวังเรื่องผลสำเร็จของบริษัทที่เพิ่มขึ้น ทำให้เส้นแบ่งระหว่างชีวิตส่วนตัวและงานเบลอไม่ชัดเจน และนำไปสู่ชั่วโมงการทำงานที่ยาวนานขึ้น

“ความต้องการของธุรกิจมีความซับซ้อนยิ่งขึ้น และความคาดหวังก็ยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เวลาที่เคยมีไว้เพื่อการพักฟื้นร่างกาย ตอนนี้อาจถูกใช้ไปกับการตามงาน การเตรียมงาน และทำความเข้าใจงาน” รายงานของไมโครซอฟต์ระบุ

รายงานระบุว่า ภาวะดังกล่าวส่งผลให้ประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานจำนวนมากลดลงครึ่งหนึ่ง รวมถึงเสี่ยงต่อภาวะหมดไฟและหมดความใส่ใจในงาน พนักงานที่ตอบแบบสำรวจราว 1 ใน 3 ระบุว่า จังหวะและความเร็วของการทำงานในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา รวดเร็วและหนักเกินไป จนทำให้พวกเขารู้สึกว่า ‘ตามไม่ทัน’ อีกต่อไปแล้ว

ผลการสำรวจของไมโครซอฟต์ สะท้อนถึงวิธีที่บริษัทขนาดใหญ่ปฏิบัติต่อ “เวิร์คไลฟ์บาลานซ์” และเป็นเหตุผลว่าทำไมพนักงานจึงถูกบังคับให้มีการทำงานที่ยาวนานขึ้น

ช่วงไม่กี่เดือนมานี้ บริษัทเทคยักษ์ใหญ่อย่าง เมตา กูเกิล อเมซอน และติ๊กต่อก เริ่มเข้มงวดมากขึ้นกับวัฒนธรรมการทำงานแบบสบาย ๆ ที่เคยมีในยุคโควิด เช่น การทำงานจากที่บ้าน สวัสดิการในออฟฟิศแบบจัดเต็ม เงินเดือนที่สูง และความมั่นคงในหน้าที่การงาน ซึ่งตอนนี้หลายบริษัทเริ่มลดหรือเลิกสิ่งเหล่านั้น เช่น ยกเลิกสวัสดิการนวดฟรี และแทนที่ด้วยอีเมลที่เต็มไปด้วยคำว่า “ประสิทธิภาพ” “ความประหยัด” และ “ความคล่องตัว”

ในขณะที่หลายบริษัทพยายามทำงานให้ได้มากขึ้นด้วยจำนวนคนที่น้อยลง แต่ผลลัพธ์ที่ได้อาจไม่ใช่ประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นเสมอไป แต่อาจกลายเป็น “ความเหนื่อยล้า” และ “ความรู้สึกห่างเหินจากงาน” แทน

อแมนด้า โจนส์ อาจารย์อาวุโสด้านพฤติกรรมองค์กรจากคิงส์คอลเลจลอนดอน บอกว่า ตอนนี้มีแนวโน้มของสิ่งที่เรียกว่า “การทำงานที่เข้มข้นขึ้น” (work intensification) ที่กำลังเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งอาจส่งผลเสียมากกว่าผลดี

“สุดท้ายมันไม่ได้แค่ทำให้ต้นทุนสูงขึ้น แต่ถ้าเราทำแบบนี้กับแรงงานที่มีทักษะ มันจะยิ่งทำให้ช่องว่างด้านทักษะในตลาดแย่ลงไปอีก และผลิตภาพก็จะลดลงด้วย มันให้ความรู้สึกเหมือนกำลังวิ่งแข่งกันสู่จุดต่ำสุด” อแมนด้ากล่าว


ที่มา
Late-night work logins are on the rise, Microsoft finds