ห้องสมุด Kimito ซึ่งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของฟินแลนด์ “ฮิลมา” สุนัขเพื่อนรักนักอ่านของเด็กๆ กำลังพักเอนกายเพื่อรอทำหน้าที่ผู้ฟังที่ดีในรอบต่อไปให้กับเด็กๆ ชั้นประถม 5 ที่จองเวลาไว้ เพื่อมาอ่านหนังสือกับเจ้าหน้าสี่ขาที่ห้องสมุด
เซยา เชอฮอล์ม เจ้าของ ฮิลมา บอกว่า หน้าที่ของฮิลมานั้นพิเศษมาก คือ การนั่งใกล้ๆ และคอยฟังเด็กๆ อ่านหนังสือเสียงดังๆ โดยที่จะไม่ตำหนิหรือคัดค้านเวลาเด็กๆ อ่านผิดหรือออกเสียงไม่ถูกต้อง
เซยาบอกว่า มีงานวิจัยที่พบว่า การอ่านหนังสือโดยมีสุนัขอยู่เป็นเพื่อนนั้น ช่วยให้คนอ่านผ่อนคลาย ซึ่งเป็นการจุดประกายให้เธอนำสุนัขมาเป็นผู้ช่วยพัฒนาการอ่านของเด็กๆ ที่ฟินแลนด์ในแบบที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วในสหรัฐอเมริกา
ฮิลมา เป็นสุนัขเลี้ยงแกะวัย 4 ปี เวลาที่ฮิลมาไม่ได้มาทำงานที่ห้องสมุด เธอจะทำงานที่ฟาร์ม ช่วยเซยาต้อนวัว นอกจากนั้น จะทำหน้าที่เป็นเพื่อนอ่านหนังสือกับเด็กๆ ที่โรงเรียน ที่ศูนย์ดูแลเด็ก รวมถึงไปอยู่เป็นเพื่อนผู้สูงอายุที่บ้านพักคนชรา
ซามูเอล และพอนตัส นักเรียนชั้นประถมห้า มาที่ห้องสมุด Kimito เพื่ออ่านหนังสือให้ฮิลมาฟัง พวกเขาชอบหนังสือเรื่องชายนักท่องเวลาที่เดินทางข้ามเวลาไปในประวัติศาสตร์ยุคต่างๆ เด็กๆ คิดว่า ฮิลมาน่าจะสนุกและชอบเรื่องที่พวกเขาอ่านให้ฟัง โดยทั้งสองตั้งใจที่จะอ่านออกเสียงดังๆ
แอนนาเลนา ครูของเด็กทั้งสองบอกว่า เธอตื่นเต้นที่ได้รู้ถึงเรื่อง สุนัขช่วยการอ่าน และนี่เป็นครั้งแรกที่ซามูเอลและพอนตัสได้อ่านหนังสือกับฮิลมา เธอบอกว่า ตอนที่ทางห้องสมุดติดต่อมาหาว่าจะเชิญเด็กๆ มาพบกับฮิลมาที่ห้องสมุด ทีแรกเธอรู้สึกลังเล แต่จากนั้นก็ตอบตกลงในทันที
“เราตอบตกลงทันที และเช่นเดียวกัน สุนัขก็สามารถมาหาเด็กๆ ที่โรงเรียนได้ และนั่นอาจจะสนุกมากขึ้น เพราะจะมีเด็กๆ ที่มาเข้าร่วมได้มากขึ้น” แอนนาเลนา กล่าว
แอนนาเลนาบอกว่า เด็กๆ ตื่นเต้นกับการได้อ่านหนังสือกับฮิลมา และรู้สึกว่าการอ่านหนังสือเสียงดังนั้นสนุก และเป็นประสบการณ์ที่แตกต่างอย่างมากกับการอ่านออกเสียงกับเพื่อนนักเรียนด้วยกัน หรือกับคุณครู
“สิ่งที่ยอดเยี่ยมที่สุดของการอ่านหนังสือกับสุนัข ก็คือ เด็กๆ ได้รับประสบการณ์ด้านบวกในการอ่าน ที่ไม่มีใครมาคอยจ้องจับผิดเวลาที่พวกเขาอ่านออกเสียงไม่ถูกต้อง เพราะสุนัขรับฟังไม่ว่าคนอ่านจะอ่านดีหรือแย่ยังไงก็ตาม” แอนนาเลนา กล่าว
การอ่านหนังสือเสียงดังๆ ให้สุนัขฟัง ช่วยทำให้เด็กๆ มีความมั่นใจ และช่วยพัฒนาทักษะต่างๆ รวมถึงการช่วยเรื่องของความคิดสร้างสรรค์
ฟินแลนด์เริ่มมีการนำสุนัขมาช่วยการอ่านเป็นครั้งแรกที่เมืองคารินาเมื่อปี 2011โดย มาริต ฮาปาซารี หลายประเทศในสแกนดิเนเวียและในสหรัฐอเมริกา ก็มีการใช้สุนัขเป็นเพื่อนช่วยการอ่านสำหรับคนที่มีปัญหาด้านการอ่านด้วยเช่นกัน มาริต บอกว่า วิธีนี้จะช่วยให้เด็กๆ เริ่มอ่านหนังสือได้ง่ายขึ้น เมื่อไม่มีคนคอยอยู่ฟังในตอนที่พวกเขากำลังอ่าน
มาริต ตั้งธุรกิจขนาดย่อมของเธอชื่อว่า Hali-Koirat ในการเตรียมพร้อมสุนัขช่วยการอ่านให้กับโรงเรียนในฝั่งตะวันตกเฉียงใต้ของฟินแลนด์ นอกจากภารกิจช่วยพัฒนาการอ่านหนังสือของเด็กๆ แล้ว สุนัขของมาริตยังไปเยี่ยมผู้สูงอายุที่บ้าน และที่ศูนย์ดูแลผู้พิการด้วย
มาริตบอกว่า การอ่านหนังสือให้สุนัขฟัง ถือเป็นประสบการณ์ที่ดีสำหรับเด็กๆ ที่มีความจำเป็นต้องฝึกฝนทักษะการอ่าน โดยที่สุนัขจะทำให้เกิดความกล้าที่จะอ่านเรื่องยากๆ ด้วยเสียงดัง ซึ่งพวกมันจะฟังอย่างมีความสุข โดยไม่ใส่ใจว่าเด็กๆ จะอ่านผิดหรืออ่านได้ช้า
ขณะที่เด็กๆ ที่ได้อ่านหนังสือกับสุนัขช่วยการอ่าน จะรู้สึกมีความมั่นใจและเชื่อในความสามารถของตัวเองมากขึ้น และจะช่วยให้เด็กๆ อ่านหนังสือมากขึ้นได้เมื่อพวกเขาเติบโตขึ้น
ความสำเร็จในการนำสุนัขมาช่วยพัฒนาการอ่านหนังสือของเด็กๆ ที่เมืองคารินา ทำให้อีกหลายท้องถิ่นของฟินแลนด์นำแนวคิดนี้ไปใช้กับการส่งเสริมการอ่านนอกห้องเรียน
“เด็กบางคนจะมีลักษณะที่อยู่ไม่สุขเวลาที่อยู่ในชั้นเรียน แต่พอพวกเขาได้อ่านหนังสือให้สุนัขฟัง พวกเขาก็สงบลง เด็กๆ เข้าใจว่า พวกเขาเป็นคนคุมสถานการณ์ตรงนั้น ดังนั้น จึงจะต้องใส่ใจกับผู้ฟังของตัวเอง ที่สำคัญเด็กๆ ยังได้เรียนรู้ถึงปฏิสัมพันธ์และการใส่ใจผู้อื่น และพอพวกเขาอ่านอย่างระมัดระวัง พวกเขารู้สึกได้ว่า จริงๆ แล้วตัวเองอ่านหนังสือได้ค่อนข้างดีเลยทีเดียว” ไฮดี้ ปูพุตติ ครูที่โรงเรียนโฮวิรินทากล่าว
ช่วงเวลาที่กำหนดให้เด็กๆ อ่านหนังสือร่วมกับสุนัข โดยทั่วไปตอนเริ่มต้นจะอยู่ที่ครั้งละ 5 นาที หรืออาจเพิ่มขึ้นเป็น 15 นาทีสำหรับเด็กที่อ่านได้คล่องแล้ว โดยที่สุนัขเพื่อนช่วยอ่านจะมาที่โรงเรียนเดิมซ้ำหลายๆ ครั้ง เพื่อช่วยให้เด็กๆ มีโอกาสสนุกกับการได้อ่านหนังสือซ้ำๆ ให้สุนัขฟัง
การเลือกสายพันธุ์ของสุนัขเพื่อทำหน้าที่เพื่อนช่วยอ่านให้กับเด็กๆ เป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งสุนัขพันธุ์ เบอร์นีส เมาน์เทนด็อก มีความเหมาะสม ด้วยขนาดของตัวที่ใหญ่จะทำให้เด็กรู้สึกเกรงขาม และสุนัขที่จะมาเป็นเพื่อนช่วยอ่านต้องผ่านการฝึกตั้งแต่ตอนที่พวกมันยังเป็นลูกสุนัข
สุนัขอ่านหนังสือต้องมีอายุมากกว่า 2 ปี สุขภาพแข็งแรง เป็นมิตรกับคน และมีนิสัยพื้นฐานที่เหมาะสมกับกิจกรรมเพื่อนอ่านหนังสือ รวมถึงต้องสามารถทำงานใกล้กับสุนัขตัวอื่นได้ และต้องมีความสัมพันธ์ที่ดีและไว้วางใจกับผู้ดูแล สุนัขต้องมีประสบการณ์กับผู้คน สถานที่ และสถานการณ์ที่หลากหลาย และต้องสงบเมื่ออยู่ท่ามกลางคนแปลกหน้า สุนัขที่เข้าร่วมกิจกรรมสุนัขอ่านหนังสือต้องลงทะเบียนในทะเบียนสุนัขของชมรมสุนัขฟินแลนด์หรือฐานข้อมูลประจำตัว
มาริตบอกว่า ต้องพึงระลึกเสมอว่ามีเด็กบางคนที่อาจกลัวถูกสุนัขกัด พวกเขาจะตัดสินใจเองว่าจะอยู่ใกล้หรือห่างจากสุนัขแค่ไหน ซึ่งการอ่านหนังสือกับสุนัขจะช่วยให้เด็กๆ เอาชนะความกลัวสุนัขได้
ฮาริตยังร่วมกับนักเขียนสร้างกิจกรรมพิเศษ “Writing stories to tell to dogs” ให้เด็กๆ เขียนเรื่องเล่าของตัวเองที่อยากนำไปอ่านให้สุนัขช่วยอ่านฟัง เด็กๆ จะสามารถอ่านเรื่องแต่งของตัวเองด้วยเสียงดังๆ ให้สุนัขฟังได้ ซึ่งยังไม่มีที่ใดในโลกทำกิจกรรมแบบนี้
ที่ เมืองไรซิโอ ซึ่งไม่ไกลจากเมืองคารินา มีการทำธุรกิจลักษณะคล้ายกันนี้ เพียงแต่ใช้ “วัว” เป็นเพื่อนช่วยการอ่านแทนสุนัข เพียงแต่ไม่ได้นำพวกมันไปที่ห้องสมุดหรือที่โรงเรียน แต่เป็นการพาเด็กๆ มาที่ฟาร์ม และเด็กๆ ก็รู้สึกสนุกกับการได้มาเที่ยวฟาร์ม
ที่มา
Reading dogs
Finnish reading dogs help kids learn and grow
Reading dog makes literacy fun in Southwest Finland