Skip to main content

 

นักวิจัยพบความเชื่อมโยงระหว่างลักษณะนิสัยที่สามารถบ่งบอกถึงอายุขัยที่สั้นหรือยืนยาว โดยพบว่า คนที่มีบุคลิกภาพกระฉับกระเฉง คนมีระเบียบ ร่าเริง ชอบช่วยเหลือผู้อื่น จะมีอายุขัยที่ยืนยาวกว่า

งานวิจัยชิ้นใหม่เผยว่า บุคลิกภาพของคนอาจบ่งบอกได้ถึงความยืนยาวของชีวิต นักวิจัยเชื่อว่าการค้นพบนี้ จะนำไปสู่วิธีดูแลสุขภาพที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้นสำหรับแต่ละบุคคล

นักวิจัยค้นพบว่า บุคลิกภาพบางอย่างสามารถทำนายความยืนยาวของอายุคนเราได้ โดยมีอิทธิพลต่อความรู้สึก และส่งผลต่อพฤติกรรมของเรา เช่น หากเราเป็นคนมีระเบียบ ก็มีแนวโน้มที่จะกินยาตรงเวลา และสามารถรักษากิจวัตรประจำวันที่ดีต่อสุขภาพได้ดีกว่า

ในอดีต การประเมินบุคลิกภาพของคนโดยใช้ระบบหมวดหมู่กว้างๆ ที่เรียกว่า Big Five หรือ OCEAN ซึ่งประกอบด้วย Openness - การเปิดรับสิ่งใหม่ Conscientiousness - ความมีวินัย ความรอบคอบ Extraversion - การชอบเข้าสังคม Agreeableness - ความเป็นมิตร ความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น และ Neuroticism - ความวิตกกังวล การมีอารมณ์ไม่มั่นคง

ในการศึกษา นักวิจัยใช้ฐานข้อมูลของคนจำนวน 22,000 คน และทำการประเมินคำตอบจากแบบสอบถาม Big Five ที่เคยทำไว้ในอดีต จากนั้นก็ติดตามอัตราการเสียชีวิตของคนเหล่านี้จากคนช่วงอายุตั้งแต่อายุ 6 ปี ไปจนถึง 28 ปี

นักวิจัยพบว่า การทำนายโอกาสการเสียชีวิตมีความแม่นยำเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า เมื่อขยับจากเข้าไปดูรายละเอียดลึกๆ จาก แบบประเมิน Big Five ซึ่งทำให้พบรายละเอียดของนิสัยย่อย

นักวิจัยพบว่า คนที่กระฉับกระเฉง มีโอกาสเสียชีวิตน้อยที่สุด โดยมีความเสี่ยงน้อยกว่าถึงร้อยละ 21 แม้จะพิจารณาปัจจัยด้านอายุ เพศ และการวินิจฉัยทางการแพทย์แล้วก็ตาม

เช่นเดียวกับคนที่มีบุคลิกภาพเป็นคนมีระเบียบ คนที่รอบคอบ ร่าเริง มีความรับผิดชอบ ขยัน ชอบช่วยเหลือผู้อื่น ต่างก็มีความเชื่อมโยงกับการมีอายุยืนเช่นกัน ในทางตรงกันข้าม คนที่มองตัวเองว่า เป็นคนกังวลง่าย หรือมีอารมณ์แปรปรวน กลับมีแนวโน้มที่จะอายุสั้นกว่า

“อาจมีหลายกลไกที่แตกต่างกัน ซึ่งทำให้บุคลิกภาพสามารถส่งผลต่อความยืนยาวของอายุขัยได้ สำหรับบางคน อาจเกี่ยวข้องกับความสามารถในการควบคุมอารมณ์ ขณะที่สำหรับคนอื่นๆ อาจเกี่ยวพันกับพฤติกรรมของพวกเขา”  ศาสตราจารย์เรเน ม็อตตุส ผู้เชี่ยวชาญด้านบุคลิกภาพจากมหาวิทยาลัยเอดินบะระ หนึ่งในทีมวิจัยกล่าว

ดร.จอห์น ลีเดอร์ นักจิตวิทยาและนักวิทยาศาสตร์ด้านความรู้ความเข้าใจ บอกว่า บุคลิกภาพสามารถเปลี่ยนแปลงได้ในตลอดช่วงชีวิต โดยเฉพาะเมื่อมีความพยายามตั้งใจ หรือเกิดการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในชีวิต แต่สิ่งสำคัญคือ ควรมองประเด็นนี้ที่กว้างไปกว่าแค่มุมมองต่อปัจเจกบุคคลเท่านั้น แต่ควรมองในแง่มุมทางสังคมด้วย

“บางคนอาจมีปัญหาเรื่องแรงจูงใจเมื่ออยู่ลำพัง แต่หากอยู่ในชุมชนที่มีการสนับสนุน ก็อาจแตกต่างออกไปโดยสิ้นเชิง หรือบางคนอาจมีความสามารถเพียงพอในตัวเองอยู่แล้ว แต่ยังต้องการการสนับสนุน หรือการปรับบางอย่างเพื่อช่วยให้พวกเขามีส่วนร่วมกับชุมชนได้” ดร.จอห์นกล่าว

ศาสตราจารย์เรเน กล่าวว่า ปัจจุบันแนวโน้มการดูแลสุขภาพกำลังมุ่งไปสู่แนวทางที่เฉพาะเจาะจงกับบุคคลมากขึ้น เมื่อผนวกกับความก้าวหน้าของเครื่องมือปัญญาประดิษฐ์ จะยิ่งทำให้งานวิจัยในลักษณะนี้ มีความสำคัญมากขึ้นโดยเฉพาะกับผู้ที่มีปัญหาสุขภาพจิต

“ในอนาคต เราจะสามารถทำนายได้ค่อนข้างแม่นยำถึงความเสี่ยงของการเกิดโรคทางจิตเวช หรือการแสดงออกของสุขภาวะทางใจ จากการประเมินบุคลิกภาพตั้งแต่เนิ่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าการประเมินบุคลิกภาพนั้นทำในลักษณะที่ละเอียดอ่อนเช่นงานวิจัยนี้” ศาสตราจารย์เรเน กล่าว

การทดสอบบุคลิกภาพที่มีความแม่นยำนี้ ยังอาจถูกนำไปใช้ในด้านอื่นๆ ของชีวิต เช่น ในโรงเรียนและที่ทำงาน อย่างไรก็ตาม ศาสตราจารย์เรเน กล่าวว่า การศึกษานี้ยังเป็นเพียงหลักฐานเบื้องต้นเพื่อพิสูจน์แนวคิดเรื่องลักษณะนิสัยกับอายุขัย ซึ่งยังต้องการงานวิจัยเพิ่มเติม และต้องใช้เวลาอีกไม่ต่ำกว่า 5 ปี ในการเก็บข้อมูลและประเมินอัตราการเสียชีวิตที่มากพอ

“ผมมั่นใจมากว่า เราจะสามารถหาความเชื่อมโยงที่แข็งแรงกว่า นำไปใช้ได้จริงมากกว่า และเข้าใจได้ง่ายกว่า ระหว่างบุคลิกภาพกับสิ่งต่างๆ อย่างเช่น อัตราการเสียชีวิต”  ศาสตราจารย์เรเน กล่าว


ที่มา
Organised or moody? These are the personality traits that could predict how long you live