Skip to main content

 

หน่วยงานด้านอาชญากรรมข้ามชาติของสหประชาชาติ เผย “ศูนย์สแกมเมอร์” ของแก๊งค์อาชญากรรมชาวเอเชีย เริ่มขยับออกจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เข้าใกล้ออสเตรเลียมากขึ้นแล้ว ล่าสุดโผล่ที่ประเทศติมอร์-เลสเต และประเทศในแปซิฟิก ซึ่งมีความเข้มงวดเรื่องกฎหมายน้อยกว่า ในการเป็นแหล่งกระทำความผิด และใช้เป็นสถานที่ฟอกเงิน

รายงานของ สำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (UNODC) ออกคำเตือนความเร่งด่วนหลังพบศูนย์สแกมเมอร์ของเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติ จีน-ฮ่องกง-ไต้หวัน-มาเก๊า ในประเทศติมอร์-เลสเต ที่โรงแรมแห่งหนึ่งในเขตปกครองพิเศษ Oecusse-Ambeno เมื่อช่วงปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา

5 ปีที่ผ่านมา การหลอกลวงทางออนไลน์ที่ทำกันจนเป็นอุตสาหกรรมนั้น มีฐานอยู่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะกัมพูชา เมียนมา และลาว โดยส่วนใหญ่ดำเนินการโดยอาชญากรชาวจีนที่ตั้งศูนย์สแกมเมอร์ในรูปแบบคล้ายคอลเซ็นเตอร์เพื่อหลอกลวงประชาชน มีการประเมินว่าแก๊งค์อาชญากรรมทำให้เหยื่อต้องสูญเสียเงินรวมแล้วราวปีละ 60,000 ล้านดอลลาร์

ปัจจุบัน มีการนำเทคโนโลยีเอไอ โดยเฉพาะ deepfake ที่สามารถปลอมแปลงใบหน้าได้แบบเรียลไทม์มาใช้ ยิ่งเพิ่มความสามารถในการหลอกลวงผู้คนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่วนใหญ่มักหลอกลวงผ่านแผนการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ปลอม

รายงานของ UNODC ระบุว่า สิ่งที่พบในติมอร์-เลสเต มีความคล้ายคลึงกันอย่างมากกับสิ่งที่เคยเกิดขึ้นในระยะเริ่มต้นของศูนย์สแกมเมอร์ในประเทศลุ่มแม่น้ำโขงและฟิลิปปินส์

“เมื่อองค์กรอาชญากรรมแทรกซึมเข้าไปแล้ว พื้นที่เหล่านี้มักจะกลายเป็นศูนย์กลางของการฉ้อโกงทางไซเบอร์ การค้ายาเสพติด และการค้ามนุษย์” รายงานของ UNODC ระบุ

หลังจากที่รัฐบาลในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และรัฐบาลจีนเริ่มดำเนินการกวาดล้างจับกุมขบวนการเหล่านี้ เหล่าบรรดาอาชญากรก็เริ่มย้ายสถานที่ก่อเหตุ โดยขยับไปไกลจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเข้ามาใกล้ออสเตรเลียมากขึ้น

UNODC เผยว่า มีสัญญาณบ่งชี้ว่า ปฏิบัติการลักษณะเดียวกันนี้กำลังเกิดขึ้นในปาปัวนิวกินีและพื้นที่อื่นๆ ในแปซิฟิก ซึ่งมีการกำกับดูแลที่เข้มงวดน้อยกว่าด้วย

UNODC ระบุว่า เขต Oecusse-Ambeno ของติมอร์-เลสเต ที่เพิ่งตั้งเป็นเขตการค้าเสรีเมื่อเดือนธันวาคม 2024 นั้นนอกจากจะดึงดูดธุรกิจ การลงทุน และการค้าแล้ว ยังดึงดูดผู้ที่แสวงหาผลประโยชน์ในทางที่ผิดกฎหมายอย่าง กลุ่มอาชญากรรมข้ามชาติด้วยเช่นกัน เจ้าหน้าที่ตรวจพบกิจกรรมน่าสงสัย และเมื่อปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา มีการตรวจพบหลักฐานต่างๆ เช่น ซิมการ์ดและอุปกรณ์ Starlink ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้สำคัญของกิจกรรมการหลอกลวงออนไลน์

ระหว่างการบุกค้น เจ้าหน้าที่ควบคุมตัวชาวต่างชาติได้ราว 30 คน ซึ่งมาจากทั้งอินโดนีเซีย มาเลเซีย และจีน บางคนมีวุฒิการศึกษาระดับมหาวิทยาลัย แต่ทั้งหมดไม่มีใบอนุญาตทำงาน UNODC ชี้ว่า ยังไม่ชัดเจนว่าคนเหล่านี้ถูกนำเข้ามาในติมอร์-เลสเตโดยขบวนการค้ามนุษย์มาหรือไม่ แต่มีข้อสังเกตว่า อาชญากรข้ามชาติมีการพัฒนาไปสู่ความเป็นมืออาชีพที่มากขึ้น

“ออสเตรเลียยังคงเป็นเป้าหมายสำคัญของอาชญากรไซเบอร์ เนื่องจากเป็นประเทศที่ค่อนข้างมั่งคั่ง และชาวออสเตรเลียมักจะไว้ใจผู้อื่น” ตำรวจสหพันธรัฐออสเตรเลีย (AFP) กล่าว

ในปี 2023 การหลอกลวงทางออนไลน์ ทำให้ชาวออสเตรเลียสูญเสียเงินไปเกือบ 3 พันล้านดอลลาร์ ก่อนที่จะลดลงเหลือราว 2 พันล้านดอลลาร์ในปีถัดมา

ตำรวจสหพันธรัฐออสเตรเลีย ระบุว่า มีการทำงานร่วมกับหน่วยงานภายนอกประเทศเพื่อจัดการกับเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติระดับสูงที่ตั้งอยู่ต่างประเทศ ที่ดำเนินการหลอกลวงชาวออสเตรเลีย


ที่มา
UN says there's evidence organised crime scam centres are moving from South-East Asia into new frontier of the Pacific