“เกาะเชจู” เป็นพื้นที่ปลูกส้มที่สำคัญและขึ้นชื่อของเกาหลีใต้มายาวนาน แต่ตอนนี้ “ต้นมะกอก” เริ่มเข้ามาแทนที่สวนส้มบ้างแล้ว จากสภาพอากาศที่ร้อนขึ้นและแล้งมากขึ้น ในอนาคตอาจเปลี่ยนเอกลักษณ์ของเชจูจากแหล่งปลูกส้มชั้นดี มาเป็นสวนมะกอกที่ให้ผลผลิตคุณภาพสูง
คิม กิลยอง ผู้บุกเบิกการปลูกมะกอกในเกาหลีใต้ และเจ้าของสวนมะกอก Seom Olive บอกว่า ปัจจุบัน สภาพอากาศของเกาะเชจูเปลี่ยนไปจากเดิมแล้ว และเป็นไปในแบบที่ต้นมะกอกชอบ
เขาบอกว่า ต้นมะกอกต่างจากพืชชนิดอื่นๆ เนื่องจากการผสมเกสรขึ้นกับสายลมที่พัดพา และการที่เชจูมีสภาพลมแรง จึงเหมาะเป็นพิเศษกับการผสมเกสรของต้นมะกอก อากาศบนเกาะช่วงเดือนพฤษภาคมถึงกรกฎาคม เป็นช่วงเวลาสำคัญที่สุด เนื่องจากในช่วงไม่กี่ปีมานี้ สภาพอากาศมีความแล้งที่มากขึ้น ซึ่งเหมาะการผสมเกสรของต้นมะกอก
หลายปีมานี้ บางพื้นที่ของเกาะเชจู สภาพอากาศร้อนระดับทำลายสถิติ และมีอุณหภูมิสูงแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน มีจำนวนของคืนที่อากาศร้อนเพิ่มมากขึ้น กิลยองบอกว่า อากาศร้อนจัดไม่ดีกับต้นมะกอก แต่อากาศแห้งในฤดูใบไม้ผลิยังส่งผลดีกับการผสมเกสรของต้นมะกอก
สภาพอากาศของเกาะเชจูที่ปรกติมีปริมาณฝนมาก ได้เปลี่ยนไปเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศโลก และทำให้เกิดฤดูกาลที่แบ่งแยกชัดเจนระหว่างฤดูฝนกับฤดูแล้ง เกิดเป็นสภาพที่เหมาะกับการเติบโตของมะกอก
กิลยัง เป็นคนแรกบนเกาะเชจูที่ทำสวนมะกอก โดยเริ่มปลูกมะกอกตั้งแต่ย้ายมาอยู่ที่ซอกวิโพ ทางตอนใต้ของเกาะเมื่อ 16 ปีที่แล้ว ในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน ที่อีกฟากหนึ่งของเชจู จอง อียอล ก็เริ่มทำสวนมะกอกเช่นกัน ชื่อว่า Jeju Olive Grove 210 โดยทั้งสองมีโอกาสพบกันในปี 2010 และกลายเป็นผู้บุกเบิกอุตสาหกรรมมะกอกของเกาหลีใต้
สวนมะกอกของอียอล มีพื้นที่ราว 23,000 ตร.ม.และเป็นสวนมะกอกที่ใหญ่ที่สุดของเกาะ มีต้นมะกอกหลากหลายสายพันธุ์ จึงเหมาะกับการแปรรูปเป็นน้ำมัน แต่ปัจจุบันนี้เขายังผลิตได้ในปริมาณที่จำกัดเพียง 100 ขวด สำหรับบริโภคเองในครอบครัว และแจกจ่ายให้ญาติๆ กับเพื่อนฝูง คนรู้จัก
สามปีที่แล้ว ทั้งสองร่วมกันตั้ง สมาคมพืชมะกอกเชจู เพื่อแบ่งปันความรู้และสร้างความตระหนักถึงอนาคตของผลิตภัณฑ์จากมะกอก กิลยองบอกว่า ทุกวันนี้บนเกาะมีสวนมะกอกแล้วราว 25 แห่ง และเกษตรกรสวนมะกอกหน้าใหม่เพิ่มจำนวนมากขึ้น โดยเฉพาะเกษตรกรที่เป็นคนหนุ่มสาวที่มาเรียนรู้จากที่สวนของเขา
ต้นมะกอก เป็นพืชที่เติบโตได้ดีในเขตที่มีอากาศอบอุ่น ส่วนใหญ่ปลูกบริเวณรอบทะเลเมดิเตอร์เรเนียน แอฟริกาตอนเหนือ และยุโรปตอนใต้ รวมถึงในออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ แอฟริกาใต้ และบางพื้นที่ของอเมริกาในโซนที่สภาพอากาศร้อนและแห้ง
ปริมาณผลผลิตมะกอกบนเกาะเชจูในรอบหลายปีมานี้ยังคงที่ แต่ทั้งกิลยองและอียอน เชื่อว่า น้ำมันมะกอกที่ผลิตในเกาหลีจะออกสู่ตลาดได้อย่างกว้างขวาง เพียงแต่ในตอนนี้ผลผลิตยังไม่สูงมากนัก
แม้น้ำมันมะกอกของอียอนยังห่างไกลจากการผลิตเชิงพาณิชย์ แต่น้ำมันมะกอกจาก Jeju Olive Grove 210 ของเขา ก็ได้รับการยอมรับแล้วในเรื่องของรสชาติและคุณภาพ ว่ามีกลิ่นหอมและความนุ่มละมุนที่โดดเด่น ซึ่งเขาบอกว่าการจะผลิตเชิงพาณิชย์ต้องใช้ที่ดินขนาดใหญ่และต้องมีต้นมะกอกที่โตแล้วจำนวนมาก ซึ่งมะกอกต้องมีอายุ 4 ถึง 5 ปีจึงจะให้ผลผลิตที่เป็นลูก และจะมอบระยะเวลาเก็บเกี่ยวให้ได้นานถึง 25 ปี
กิลยองบอกว่า น้ำมันมะกอกนั้นดีต่อสุขภาพ มีไขมันที่ดีต่อร่างกาย และเต็มไปด้วยสารแอนติออกซแดนท์ ช่วยป้องกันการอักเสบ และป้องกันมะเร็ง เขามองว่าการปลูกมะกอกจะจะมีอนาคตที่ดีบนเกาะเชจู
สวนมะกอกบนเกาะเชจู เป็นตัวบ่งบอกที่ชัดเจนถึงผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศต่ออาหารที่ผู้คนบริโภค รวมถึงการผลิตวัตถุดิบอาหารต่างๆ ซึ่งนอกจากมะกอกแล้ว สำนักงานพัฒนาชนบทของเกาหลีใต้ แนะนำพืชชนิดอื่นๆ ที่เหมาะจะปลูกในสภาพอากาศที่เปลี่ยนไปของเกาหลีใต้ เช่น มะละกอ กระเจี๊ยบ และผักบุ้ง
ที่มา
From tangerines to olives: How climate change is reshaping Jeju agriculture