กิ้งก่าแอฟริกาตะวันตกมีหน้าพิซซาที่โปรดปรานมั้ย? การเพนท์ลวดลายของม้าลายบนตัวของวัว จะช่วยไล่แมลงไม่ให้มากัดพวกมันได้มั้ย? นี่เป็นส่วนหนึ่งของหัวข้อวิจัยที่ได้รับรางวัล “อิกโนเบล” ในปีนี้
รางวัล “อิกโนเบล” (Ig Nobel Prizes) ตั้งขึ้นในปี 1991 โดยล้อเลียนรางวัลโนเบล และมอบรางวัลให้งานวิจัยเชิงวิทยาศาสตร์ที่สร้างอารมณ์ขัน ทำให้คนหัวเราะแล้วคิดตาม อิกโนเบล จะจัดขึ้นทุกปีช่วงเดือนกันยายนโดยสถาบันวิจัย Improbable Research ในสหรัฐอเมริกา
เรามาดูกันว่า รางวัลอิกโนเบลปี 2025 เป็นของใครบ้าง และพวกเขามีงานวิจัยที่ประหลาดพิลึกพิลั่นอะไรกันบ้าง
ในปีนี้ ผู้ชนะรางวัลอิกโนเบล สาขาชีววิทยา เป็นของ โทโมกิ โคจิมะ และคณะ ที่ทำการวิจัย เรื่องการเพนท์ลวดลายขาวสลับดำของม้าลายลงบนตัวของวัว ช่วยให้แมลงไม่มากัดวัวได้หรือไม่
งานวิจัยระบุว่า แมลงที่มากัดหรือตอมนอกจากจะสร้างความรำคาญให้กับวัวแล้ว ยังทำให้ต้นทุนทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น จากการที่วัวกินหญ้าและอาหารน้อยลง นอนพักสั้นลง เกิดความเครียด และความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บ ทำให้วัวนมให้น้ำนมน้อยลง ส่วนวัวขุนก็ให้ปริมาณเนื้อที่น้อยลงด้วย
โทโมกิ นำข้อถกเถียงของนักวิทยาศาสตร์ถึงหน้าที่ของลวดลายดำสลับขาวของม้าลาย มาทดสอบโดยการเพ้นท์ลายที่ล้างออกได้ เป็นลายของม้าลายลงบนวัวญี่ปุ่นพันธุ์ดำที่ตั้งท้อง 6 ตัว ที่ศูนย์วิจัยการเกษตรไอจิ ในญี่ปุ่น เปรียบเทียบกับวัวกลุ่มที่มีลายดำอย่างเดียว และกลุ่มที่ไม่มีการเพนท์ลวดลายซึ่งเป็นกลุ่มควบคุม
ผลการทดลองพบว่า ลายม้าลายบนวัวญี่ปุ่นสามารถลดจำนวนแมลงที่มากัดวัวได้อย่างชัดเจน เมื่อเทียบกับวัวอีก 2 กลุ่ม ทีมวิจัยอธิบายว่า อาจเกี่ยวข้องกับการสะท้อนแสง ความสว่าง หรือแสงโพลาไรซ์ ที่ทำให้แมลงสับสนกับการตรวจจับการเคลื่อนไหวเวลาจะลงเกาะ ซึ่งต้องมีการศึกษาเพิ่มเติม
สาขาเคมีปีนี้ ผู้ชนะเลิศ คือ โรเต็ม นาฟทาโลวิช และคณะ ที่ทำการทดลองเพื่อทดสอบว่า สามารถกิน “เทฟลอน” เพื่อทำให้รู้สึกอิ่มมากขึ้น โดยที่ไม่ต้องเพิ่มปริมาณแคลอรีในอาหารได้หรือไม่
นักวิจัยพบว่า “เทฟลอน” ที่ใช้เป็นสารเคลือบเครื่องครัว สามารถเพิ่มปริมาตรและมวลของอาหารให้รู้สึกอิ่มโดยที่ไม่เพิ่มแคลอรี เนื่องจากเทฟลอนเป็นสารเฉื่อย ทนความร้อน ไม่ละลายโดยกรดในกระเพาะ ไม่มีรสชาติ ราคาถูก และมีแบบผงที่สะดวกต่อการผสมกับอาหาร โดยอัตราส่วนแนะนำ คือ อาหาร 3 ส่วน ต่อผงเทฟลอน 1 ส่วน ซึ่งเรื่องอาจเป็นไอเดียแปลกเกินไปสักหน่อย
ส่วน รางวัลอิกโนเบลสาขาฟิสิกส์ เป็นของ จิอาโคโม บาร์โตลุซซี และคณะ ที่ทำการศึกษา สูตรการทำแป้งพาสต้า Cacio e pepe ที่มีโด่งดังและเป็นเอกลักษณ์ แต่ทำยากมาก
ทีมนักฟิสิกส์ชาวอิตาลี ทดลองหาสูตรส่วนผสมที่แน่นอนด้วยการทดลองทางวิทยาศาสตร์ โดยใช้แป้งข้าวโพดผสมกับซอสชีสและพริกไทย แทนการใช้แป้งที่ละลายออกมาจากน้ำต้มพาสต้าในแบบวิธีดั้งเดิม ซึ่งนักวิจัยพบว่า อัตราส่วนของแป้งที่เหมาะสม อยู่ที่ 2 ถึง 3% ของน้ำหนักชีส สูตรที่แนะนำคือ ละลายแป้งมันฝรั่งหรือข้าวโพด 4 กรัม ในน้ำ 40 กรัม ให้ข้นเล็กน้อยแล้วผสมกับชีส และคั่วพริกไทยก่อนใส่ เพื่อให้รสชาติและกลิ่นหอมชัดเจนยิ่งขึ้น
สาขาการออกแบบเชิงวิศวกรรม เป็นของ วิกัช กุมาร และซาร์ทัก มิตทอล ที่ศึกษาวิธีกำจัดกลิ่นเหม็นรองเท้าในชั้นวางรองเท้า จากการที่อากาศในอินเดียร้อนชื้น คนจึงเหงื่อออกมาก และรองเท้าก็เป็นแหล่งเพาะเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดกลิ่นเหม็น สะสมไปถึงชั้นวางรองเท้า วิกัชและซาร์ทัก จึงออกแบบชั้นวางรองเท้าที่ใช้แสง UV-C ในการฆ่าเชื้อแบคทีเรีย โดยทดสอบกับรองเท้าของนักกีฬาของนักศึกษาในมหาวิทยาลัย พบว่า เปิด แสง UV-C เพียง 2–3 นาทีเพียงพอที่จะฆ่าแบคทีเรียและลดกลิ่นเหม็นได้
ส่วนผู้ชนะอิกโนเบลสาขาการบิน คือ ฟรานซิสโก ซานเชส และคณะ ที่ทำการศึกษาว่า การดื่มแอลกอฮอล์ส่งผลต่อการบินของค้างคาว และความสามารถในการใช้คลื่นเสียงสะท้อนหรือไม่
ทีมนักวิจัยทดลองกับค้างคาวผู้ใหญ่เพศผู้ โดยให้อาหารเหลวผสมเอทานอลในปริมาณต่างๆ แล้วปล่อยให้บินผ่านเพื่อจับเวลา และในการทดลองครั้งที่สอง ใช้ไมโครโฟนอัลตราโซนิกบันทึกเสียงสะท้อนของค้างคาว พบว่า ค้างคาวที่ได้รับเอทานอลสูงที่สุดบินช้าลงอย่างชัดเจน และคุณภาพการสะท้อนเสียงก็แย่ลงด้วย ทำให้เสี่ยงต่อการชนสิ่งกีดขวางขณะบิน
สาขาสุขภาพจิต เป็นของ มาร์ซิน ซาเยนโคสกี และ กิลล์ กิกแนค ศึกษาว่าเรื่องคำชมสามารถทำให้เกิดความรู้สึกนาร์ซิสซิสต์ได้หรือไม่ โดยทดลองกับผู้เข้าร่วม 361 คนให้ทำแบบสอบถามและแบบทดสอบ IQ จากนั้นแบ่งกลุ่มให้ได้รับคำชมเชิงบวกหรือคำติ ผลลัพธ์พบว่า คำชมหรือคำติมีผลต่อความรู้สึกของตนเองอย่างชัดเจน ผู้ที่ได้รับคำชมจะเกิดรู้สึกถึงความพิเศษและรู้สึกมั่นใจในตัวเองมากขึ้น ส่วนผู้ที่ได้รับคำติจะประเมินความฉลาดตัวเองต่ำลงมาก
สาขาโภชนาการ เป็นของ ดาเนียล เดนดี และคณะ โดยทำการศึกษา หน้าพิซซาแบบใดที่กิ้งก่าชอบ ผู้วิจัยสังเกตว่า กิ้งก่าสายรุ้งแอฟริกาตะวันตก ชอบแอบกินพิซซ่าที่มีชีส 4 แบบในถาดเดียวของนักท่องเที่ยวที่รีสอร์ตชายทะเลในโตโก จึงติดตามพฤติกรรมกิ้งก่า 9 ตัว โดยให้เลือกกิน “พิซซา 4 ชีส” หรือพิซซ่าที่มีชีส 4 แบบในถาดเดียว กับ “พิซซา 4 ฤดู” หรือพิซซ่าที่มีหน้า 4 แบบในถาดเดียว พบว่ากิ้งก่ากินเฉพาะพิซซ่าสี่ชีส นีกวิจัยอธิบายว่า อาจเป็นเพราะมีสัญญาณเคมีหรือเป็นเพราะความง่ายในการย่อยที่ทำให้กิ้งก่าชอบพิซซ่าชนิดนี้มากเป็นพิเศษ
ที่มา
Meet the 2025 Ig Nobel Prize winners