รายงานฉบับล่าสุดของสภาพัฒน์ ร่วมกับยูนิเซฟ และทีดีอาร์ไอเผย สถานการณ์การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของไทยยังน่ากังวล ทั้งภาวะทุพโภชนาการในเด็กเล็ก คุณภาพและความเหลื่อมล้ำด้านการศึกษา การผลิตบุคลากรที่ไม่ตรงกับความต้องการของตลาดแรงงาน รวมถึงมีเยาวชนจำนวนมากไม่ได้เรียนต่อ และคนวัยทำงานไม่ได้เข้ารับการฝึกอบรมเพื่อพัฒนาความรู้และทักษะเพิ่มเติม
รายงาน “การพัฒนาทุนมนุษย์ในประเทศไทย: การวิเคราะห์ช่องว่าง อุปสรรค และทางเลือกเชิงนโยบาย” ที่จัดทำโดยสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ร่วมกับองค์การยูนิเซฟ และสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) เผยถึงสถานการณ์การพัฒนาทุนมนุษย์ของไทยที่ยังน่ากังวล โดยระบุว่า แม้ประเทศไทยจะก้าวหน้าอย่างมากในการขยายการเข้าถึงการศึกษาและบริการพื้นฐาน แต่ก็ยังมีเด็กและเยาวชนจำนวนมากที่ไม่สามารถพัฒนาทักษะ ความรู้ และสุขภาพที่จำเป็นต่อการเติมเต็มศักยภาพของตนเองได้อย่างเต็มที่
รายงานระบุว่า ภาวะทุพโภชนาการยังคงเป็นอุปสรรคสำคัญต่อพัฒนาการของเด็กเล็กในประเทศไทย โดยพบว่า เด็กไทยภาวะทุพโภชนาการทุกรูปแบบ ทั้งภาวะเตี้ยแคระแกร็น ผอมแห้ง และน้ำหนักเกิน ยังคงอยู่ในระดับที่น่ากังวล ขณะเดียวกัน มีเด็กอายุ 2–5 ปี เพียง 3 ใน 4 คนเท่านั้นที่มีพัฒนาการสมวัย โดยเด็กจากครอบครัวยากจน เด็กที่ไม่ได้เข้าเรียนในระดับปฐมวัย และเด็กที่เข้าไม่ถึงสวัสดิการเพื่อการเลี้ยงดูเด็กเล็ก มักเผชิญความเสี่ยงมากกว่ากลุ่มอื่น
รายงานเผยว่า แม้เด็กวัยเรียนในประเทศไทยเกือบทั้งหมดจะสามารถเข้าถึงการศึกษาภาคบังคับได้แล้ว แต่พบว่ามีปัญหาเรื่องคุณภาพการศึกษา นักเรียนชั้นประถม 2 มีเพียงร้อยละ 42 ที่มีทักษะด้านการอ่านและการคำนวณได้เหมาะสมตามวัย ขณะที่ผลการประเมิน PISA ปี 2565 แสดงให้เห็นถึงผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนที่อยู่ในระดับต่ำอย่างต่อเนื่องในวิชาคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และการอ่าน โดยเฉพาะเด็กที่อยู่ในชนบท เด็กที่ไม่ได้ใช้ภาษาไทยเป็นภาษาหลัก และเด็กจากครัวเรือนยากจนที่สุด มักเผชิญอุปสรรคในการเรียนรู้มากกว่ากลุ่มอื่น
รายงานระบุว่า ปัญหาเหล่านี้ส่งผลต่อเนื่องไปถึงช่วงวัยรุ่นและวัยผู้ใหญ่ มีเด็กและเยาวชนจำนวนมากไม่ได้เรียนต่อในชั้นมัธยมปลาย มีคนไทยอายุ 25–34 ปี เพียงร้อยละ 59 เท่านั้นที่จบชั้นมัธยมปลาย โดยกลุ่มที่มีแนวโน้มหลุดออกจากระบบการศึกษาสูง ได้แก่ เยาวชนชาย เยาวชนที่มีความพิการ และเยาวชนจากครัวเรือนยากจนหรือไม่ได้พูดภาษาไทย
ขณะที่สถานการณ์ของคนวัยทำงาน รายงานระบุว่าน่ากังวลไม่แพ้กัน โดยผู้มีงานทำเพียงร้อยละ 3 เท่านั้นที่เคยได้รับการฝึกอบรมเพิ่มเติมหลังจบการศึกษา ขณะเดียวกัน มีเพียงร้อยละ 12 ที่ต้องการเข้ารับการฝึกอบรม และแม้แต่ในกลุ่มที่ได้รับการฝึกอบรมแล้ว ก็มีเพียงร้อยละ 39 ที่สามารถหางานทำได้หลังจบหลักสูตร
รายงานยังชี้ให้เห็นถึงความไม่สอดคล้องระหว่างวุฒิการศึกษากับความต้องการของตลาดแรงงาน โดยแรงงานมากกว่าครึ่งทำงานไม่ตรงสาย ส่งผลให้ศักยภาพของแรงงานไม่ได้ถูกใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่ และกระทบต่อผลิตภาพโดยรวม ขณะเดียวกัน เยาวชนอายุ 15–24 ปี ราวร้อยละ 12.5 ไม่ได้ทำงาน เรียน หรือเข้ารับการอบรม (NEET) โดยเยาวชนจากครอบครัวยากจนและเยาวชนที่มีความพิการ มักได้รับผลกระทบมากเป็นพิเศษ
รายงานยังระบุถึงปัจจัยสำคัญที่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาทุนมนุษย์ในประเทศไทย ทั้งการสนับสนุนทางสังคมที่ยังจำกัดสำหรับครอบครัวยากจน การดูแลที่ไม่เพียงพอสำหรับกลุ่มเปราะบาง เช่น คนพิการและกลุ่มที่ไม่ใช้ภาษาไทยเป็นภาษาหลัก การจัดสรรทรัพยากรด้านการศึกษาที่ขาดประสิทธิภาพ ความไม่สอดคล้องกันระหว่างระบบการศึกษา การฝึกทักษะ และความต้องการของตลาดแรงงาน รวมถึงอุปสรรคทางจิตสังคม เช่น การขาดแรงจูงใจ ปัญหาสุขภาพจิต และการขาดสภาพแวดล้อมที่เกื้อหนุนต่อการเรียนรู้
รายงานยังนำเสนอข้อแนะเชิงนโยบายหลายด้าน เช่น การขยายระบบคุ้มครองทางสังคมให้ครอบคลุมและเท่าเทียมมากยิ่งขึ้น การออกแบบระบบการศึกษาและการฝึกอบรมให้ตอบสนองต่อความต้องการของผู้เรียนที่หลากหลาย การปฏิรูปการจัดสรรทรัพยากรเพื่อส่งเสริมความเสมอภาคและประสิทธิภาพ การปรับหลักสูตรการเรียนรู้ให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงาน และการเพิ่มการลงทุนด้านสุขภาพจิตและสุขภาวะของผู้เรียน
“ประเทศไทยกำลังอยู่ในช่วงเวลาสำคัญในการรับมือกับความท้าทายระยะยาวจากจำนวนประชากรที่ลดลงและการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกันก็มีโอกาสที่จะได้รับผลตอบแทนจากการมีชีวิตที่ยืนยาวอย่างมีคุณภาพ และประโยชน์จาก 'เศรษฐกิจสูงวัย' อย่างเต็มที่ ซึ่งเป้าหมายความท้าทายเหล่านี้นี้ควรต้องสอดคล้องกับการลงทุนในประชากร โดยเฉพาะเด็กและเยาวชนอย่างจริงจัง” คยองซอน คิม ผู้อำนวยการองค์การยูนิเซฟ ประเทศไทยกล่าว
ดาวน์โหลด รายงาน “การพัฒนาทุนมนุษย์ในประเทศไทย: การวิเคราะห์ช่องว่าง อุปสรรค และทางเลือกเชิงนโยบาย”