“คาเฟ่ความทรงจำ” หรือที่รู้จักกันว่า เป็นคาเฟ่สำหรับผู้สูงอายุที่สมองเสื่อม เป็นพื้นที่เปิดให้ผู้คนเข้ามาแบ่งปันเรื่องราวประสบการณ์ชีวิต หรือกระทั่งมาหาความช่วยเหลือในการรับมือกับอาการของโรค และช่วยผู้ที่ป่วยให้ก้าวผ่านสิ่งที่กำลังเผชิญไปด้วยกัน
ในสหรัฐอเมริกา มีคนมากกว่า 6 ล้านคนที่ป่วยเป็นโรคสมองเสื่อม ซึ่งการวินิจฉัยเป็นสิ่งที่ยากและต้องใช้ความพยายามอย่างมากเนื่องจากผู้ป่วยสูญเสียความทรงจำ การรับรู้ รวมถึงทักษะพื้นฐานต่างๆ และยังเป็นเรื่องยากสำหรับครอบครัวหรือคนที่คอยดูแล ในการให้ความช่วยเหลือในสิ่งที่ผู้ป่วยสมองเสื่อมต้องการจริงๆ รวมถึงการยังต้องรักษาการเชื่อมต่อทางสังคมของผู้ป่วยสมองเสื่อมเอาไว้
“การได้พบปะผู้คนสามารถช่วยให้ความเครียดของผู้ป่วยโรคสมองเสื่อมที่รู้สึกกับคนดูแลลดน้อยลง เรารู้ว่าผู้ป่วยจะมีคุณภาพชีวิตดีขึ้น ถ้าหากคนที่ดูแลพวกเขามีความเครียดน้อยลง” คีรา โอไบรอัน นักประสาทวิทยา อาจารย์ที่โรงเรียนแพทย์ Penn's Perelman กล่าว
คาเฟ่ความทรงจำ เปิดรับผู้ที่มีความเปลี่ยนแปลงด้านสมองในเรื่องความทรงจำ ความคิด และผู้ที่ใช้ชีวิตร่วมกับอาการสมองเสื่อม รวมถึงเปิดรับคนที่ดูแลผู้ป่วย ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนๆ ครอบครัว หรือผู้ที่มีอาชีพดูแลผู้ป่วย
คาเฟ่ความทรงจำจะจัดขึ้นประจำเดือนละ 1 หรือ 2 ครั้ง ครั้งละไม่เกิน 2 ชั่วโมง สถานที่จัดเป็นได้ทั้งในสถานที่จริงและทางออนไลน์ การจัดคาเฟ่ในสถานที่จริงจะใช้ที่ที่เข้าถึงได้สะดวก เช่น ห้องสมุด สวนพฤกษาศาสตร์ พิพิธภัณฑ์ ร้านกาแฟ หรือศูนย์ทำการของชุมชน รวมถึงสถานที่ตามความเชื่อทางศาสนา และโดยทั่วไปจะมีผู้ดำเนินการสนทนากลุ่ม หรือบางครั้งอาจเป็นการพบปะกันทำกิจกรรม เช่น ดนตรี โยคะ เต้นรำ การทำงานศิลปะ การเล่าเรื่องราว หรือการศึกษาประวัติศาสตร์ท้องถิ่น โดยกิจกรรมต่างๆ จะถูกออกแบบมาให้ผู้ป่วยสมองเสื่อมมีส่วนร่วม
คาเฟ่ความทรงจำ สร้างผลกระทบที่ใหญ่กับชีวิตของผู้ป่วยโรคสมองเสื่อม อย่างเช่น ร็อบ เคนเนดี้ แพทย์ตรวจพบว่าเขาเริ่มมีอาการของโรคอัลไซเมอร์ตั้งแต่ช่วงอายุ 50 ปี เขามาเข้าร่วมกิจกรรมที่คาเฟ่เป็นประจำตลอด 2 เดือนที่ผ่านมาที่ศูนย์ประชุมของชุมชนในเพนซิลเวเนีย
เป็นเรื่องยากที่ ร็อบ จะยอมรับว่า เขามีอาการสมองเสื่อม และต้องรับมือกับอารมณ์ด้านลบ แต่การมาที่คาเฟ่ความทรงจำ เขาได้เรียนรู้วิธีจัดการกับอารมณ์ด้านลบ และมีเป้าหมายในชีวิต ร็อบแนะนำผู้ป่วยโรคสมองเสื่อมให้มาที่คาเฟ่ความทรงจำ เพื่อมาพบเจอผู้คนซึ่งมีเสียงหัวเราะ
“ตอนที่ผมมาที่นี่ครั้งแรก ผมดูน่าสังเวชมาก แต่ตอนนี้ที่นี่เหมือนเป็นครอบครัว ครอบครัวใหญ่ ผมมาเจอกับพวกเขา มาพบคู่ครองและเด็กๆ ของพวกเขา มันช่างดีจริงๆ” ร็อบกล่าว
คาเฟ่ความทรงจำ ไม่ได้เป็นแนวคิดที่ใหม่แกะกล่อง คาเฟ่ความทรงจำแห่งแรกเกิดขึ้นในเนเธอร์แลนด์ ตั้งแต่ปลายทศวรรษที่ 1990 และขยายออกไปในประเทศต่างๆ ทั่วยุโรป รวมถึงสหราชอาณาจักรที่รัฐบาลให้การสนับสนุนด้านการเงิน คาเฟ่ลักษณะนี้ยังเปิดดำเนินการในหลากหลายสถานที่ รวมถึงที่โบสถ์ ศูนย์ทำการของชุมชน บางครั้งจัดในคาเฟ่ที่เป็นคาเฟ่จริงๆ ซึ่งสิ่งที่ต้องการมีเพียงสถานที่ที่กว้างพอจะรองรับคนที่มาร่วมกิจกรรม
คาเฟ่สำหรับผู้ป่วยอัลไซเมอร์แห่งแรกในสหรัฐ เปิดขึ้นที่เมืองซานตาเฟ่ รัฐนิวเม็กซิโก เมื่อปี 2008 ถึงปัจจุบันในสหรัฐมีไม่ต่ำกว่า 19 รัฐที่มีคาเฟ่ลักษณะนี้ ซึ่งในวิสคอนซินแห่งเดียวมีคาเฟ่ความทรงจำไม่น้อยกว่า 100 แห่ง
แม้ว่า รัฐบาลสหรัฐภายใต้ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ จะมีแผนการตัดลดงบประมาณรายจ่ายด้านสาธารณสุขลง แต่จะไม่กระทบกับคาเฟ่ความทรงจำ เนื่องจากไม่ได้ขึ้นกับเงินสนับสนุนจากรัฐบาลกลาง คาเฟ่ความทรงจำจำนวนมากจัดขึ้นในที่สาธารณะซึ่งไม่มีค่าใช้จ่าย และดำเนินการโดยกลุ่มอาสาสมัคร มีค่าใช้จ่ายเพียงค่ากาแฟ และอาหารว่าง
“คาเฟ่ความทรงจำ ตั้งขึ้นไม่ยากนัก เพราะมันไม่ได้มีค่าใช้จ่ายมากมายอะไร มันไม่ได้ต้องมีกฎหมายรองรับหรือต้องขอใบอนุญาต สำหรับคาเฟ่ความทรงจำ มันเป็นลักษณะของชุมชนที่ผู้คนเข้ามามีส่วนร่วมกิจกรรมด้วยกัน” ซูซาน แมคฟาดเดน ศาสตราจารย์เกียรติคุณด้านจิตวิทยา มหาวิทยาลัยวิสคอนซิล และผู้ร่วมก่อตั้งโครงการ Fox Valley Memory กล่าว
อ้างอิง
Memory Cafes Bring Caring and Connections
What is a Memory Cafe?