ในยุคที่อาหารการกิน โดยเฉพาะการกินข้าวนอกบ้านและการสั่งอาหารผ่านแอปราคาแพงระยับ สาวอเมริกันแนะให้เข้าซูเปอร์ช่วงที่อาหารสดลดราคา เลือกชอปของที่ลดราคาแล้วค่อยคิดเมนู ช่วยประหยัดค่าอาหารได้ มากถึง 80%
ทุกวันนี้หลายคนน่าจะรู้สึกว่าข้าวของต่างๆ มีราคาสูงขึ้นมาก ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว อัตราเงินเฟ้อของไทยติดลบด้วยซ้ำ เพราะราคาอสังหาและพลังงานเริ่มปรับตัวลดลง อย่างไรก็ดีสิ่งที่ยังราคาเพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่นและท้าทายไม่ว่าอย่างอื่นจะเริ่มคงที่หรือลดลง ก็ได้แก่ "ค่าอาหาร" โดยเฉพาะอาหารตามร้านอาหารต่างๆ หรืออาหารตามแอปสั่งอาหาร
สถานการณ์อาหารในไทยสะท้อนสถานการณ์คล้ายคลึงกับที่เกิดขึ้นทั่วโลก ซึ่งก็คือภาวะที่ราคาอาหารนอกบ้านปรับตัวสูงขึ้นอย่างบ้าคลั่ง จนคนในหลายประเทศลดการกินอาหารนอกบ้านอย่างเด่นชัด ทำให้ธุรกิจร้านอาหารซบเซาลงเป็นวงกว้าง
นี่เลยทำให้มันกลับมาสู่ยุคของการ "ทำอาหารกินเองที่บ้าน" อย่างจริงจังทั่วโลก ยุคทองของการสั่งอาหารกินช่วงโควิดจบลงไปแล้วกับภาวะเงินเฟ้อต่อเนื่องหลังรัสเซียบุกยูเครน และการรัดเข็มขัดซึ่งเกิดขึ้นทั่วโลก
แน่นอน ทั่วๆ ไปในโลกปัจจุบัน การซื้อวัตถุดิบมาทำอาหารเองนั้นจะถูกกว่าการกินอาหารนอกบ้านด้วยเหตุผลหลักๆ ว่าซื้อ "อาหารสด" จะไม่โดนคิด "ภาษีมูลค่าเพิ่ม" ในขณะที่ถ้าซื้อ "อาหารสำเร็จรูป" จะโดนภาษีมูลค่าเพิ่ม ดังนั้นมาตรฐานทั่วไป คนจึงมักจะทำอาหารกินเองในบ้านเป็นปกติ เพราะราคามันถูกกว่า
ถามว่าทำไมเรื่องนี้ถึงสำคัญ คำตอบคือ ถ้าใครทำรายจ่ายครัวเรือน ส่วนใหญ่ก็น่าจะพบว่าแม้แต่ครัวเรือนที่รัดเข็มขัดสุดๆ ไม่ใช้จ่ายฟุ่มเฟิอยกับการ "ช็อปปิ้ง" หรือ "ท่องเที่ยว" ใดๆ จริงๆ แล้วค่าอาหารการกินก็ยังถือเป็นสัดส่วนของรายจ่ายที่ใหญ่มาก
ดังนั้น ในแง่นี้ คนที่ทำบัญชีรายรับรายจ่ายทุกคนที่อยากจะประหยัดเงิน ก็จะต้องไปพยายามประหยัดงบด้านอาหาร การไปซื้อของทดแทนต่างๆ หรือซื้อที่ละมากๆ เป็นทางออกทางหนึ่ง ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจที่ห้างค่าส่งที่โด่งดังด้านอาหารอย่าง Costco ถึงยอดขายดีมากๆ ในเวลาเศรษฐกิจไม่ดี
แต่สิ่งที่น่าสนใจก็คือ เทคนิคพวกนี้เป็นการคิดแบบ "ในกรอบ" ในการประหยัดงบประมาณด้านอาหารการกินเท่านั้น มันยังมีวิธี "คิดนอกกรอบ" อยู่ และคนที่คิดนอกรอบสุดๆ ระดับเขียนข้อเสนอมาลงสื่ออย่าง Business Insider ได้ ก็น่าจะเป็นสิ่งที่น่าสนใจพอที่จะหยิบมาเล่าให้ฟัง
ปกติ Business Insider จะไม่ลงข่าวแนว "ไลฟ์สไตล์" แบบทำอาหารอะไรกินดี แต่สิ่งที่บทความนี้เสนอเรียกว่า "ปฏิวัติวิธีคิดทางอาหาร" ไปเลย โดยบทความมีชื่อว่า "Some budget experts say 'Stick to your grocery list.' Ignoring that advice has saved me up to 80% on my grocery bills.”
เนื้อหาหลักๆ ของบทความนี้คือ เทคนิคที่จะทำให้ประหยัดค่าอาหารไป 70-80% โดยการ "ซื้อของใกล้หมดอายุ" มากิน
แน่นอน อันนี้ฟังดูง่ายมาก เราคนไทยก็น่าจะคุ้นเคยอยู่แล้ว และผู้อ่านหลายคนอาจเป็นแฟนของการไปเดินซูเปอร์มาร์เก็ตตอนสองทุ่มอยู่
ประเด็นคือ เค้าเสนอว่าถ้าทำแบบจริงจัง มันจะลดค่าอาหารได้แบบสูงมาก แต่สิ่งที่ต้องเข้าใจคือว่า เราต้องมีความเข้าใจด้านการคิดเมนูและทำอาหารใหม่ทั้งหมด
เค้าบอกว่า คนปกติคือจะคิดก่อนว่าจะกินอะไร แล้วไปซื้อ เจออะไรลดราคาก็โชคดี แต่เค้าไม่ทำแบบนั้น เค้าจะไปซุปเปอร์มาร์เก็ตตอนมีอาหารลดราคา โดยไม่คิดก่อนว่าจะทำอะไรกัน แต่เค้าเจออะไรลดราคาเยอะๆ จะหยิบมาเลย กลับบ้านมาค่อยคิด
เค้ายกตัวอย่างว่า พวกผักสดต่างๆ ราคาลดระดับ 70-80% เป็นเรื่องปกติมากๆ พวกผลไม้ก็เช่นกัน และเค้าก็จะกินแต่ของพวกนี้
เค้าบอกว่า บางทีตอนซื้อมาก็จะงงๆ ว่าจะทำอะไรกินดี มันก็จะมีแอปและเว็ปไซต์มากมายที่ให้เราใส่วัตถุดิบไป แล้วจะแนะนำว่าทำอะไรกินได้บ้าง (ซึ่งจริงๆ เอาง่ายสุด ถาม ChatGPT แบบใส่ว่ามีอะไรในมือ แล้วบอกให้มันเสนอเสนอเมนูพร้อมวิธีทำ มันก็ตอบได้นะครับ) แล้วก็จะนึกออก
พอทำไปสักพักก็จะมีเทคนิคเฉพาะ เช่นคนเขียนเค้าก็บอกว่าเวลาเค้าได้ผักมาแล้วคิดอะไรไม่ออก บางทีเค้าก็ทำ "ม่าม่าผัดผักรวม" ง่ายๆ เลย ใส่ไข่ไปหน่อย ได้สารอาหารครบ ซึ่งก็ถูกของเค้า ทุกอย่างที่กินแม้จะไม่สดมาก แต่ก็ไม่เน่าเสีย ได้สารอาหารอยู่
อันนี้ดูเป็นทริคง่ายๆ แต่ขั้นต่อไปบางคนอาจนึกไม่ถึง
เธอบอกว่า เวลาไปกวาดอาหารลดราคามา ถ้าเอามาทำไม่หมด ก็โยนเข้าช่องฟรีซเลย โดยของหลายๆ อย่างมีเทคนิคในการเก็บที่เหมาะ เช่นถ้าเป็นเห็ด ควรทำให้สุกก่อนเอาเข้าช่องฟรีซเป็นต้น โดยเทคนิคนี้มันก็จะช่วยให้กรอบเวลาที่ต้องจัดการอาหาร "ใกล้หมดอายุ" สามารถยืดต่อไปได้อีก
ซึ่งแน่นอน นี่อาจขัดกับสามัญสำนึกหลายคนว่า อาการพวกนี้ถ้าไม่กินเลยก็ต้องทิ้ง แต่เธอไม่ทำแบบนั้น เธอโยนเข้าฟรีซ และนี่และ "การเปลี่ยนความคิดทางอาหาร" ที่จำเป็นต้องทำ ถ้าต้องการจะประหยัดขนาดนั้น
แน่นอน แนวคิดทั้งหมดนี้เอามาประยุกต์ในไทยอาจไม่ได้ผลเท่า เพราะอาหารสดตามซูเปอร์มาร์เก็ตในไทยลดเต็มที่ก็ 50% และจริงๆ ไปซื้อตามตลาดสดก็อาจได้ราคาถูกกว่านั้นด้วย แต่กลับกัน ถ้าเป็นคนที่ไม่ทำอาหาร แล้วใช้เทคนิคนี้กับอาหารสำเร็จรูป ก็จะได้อาหารราคาถูกมาเยอะอยู่ พูดง่ายๆ คือถ้าไปตามห้างตอนซูเปอร์ใกล้ปิด การได้มาซึ่งอาหารลดราคามากินทั้งอาทิตย์ก็เป็นไปได้ ซึ่งก็แน่นอน หลายๆ อย่างถ้าจะกินวันนี้พรุ่งนี้ก็ใส่ช่องปกติก็ได้ ถ้าไม่ ก็ใส่ช่องฟรีซเอาไว้
เหนือสิ่งอื่นใด ในกรณีของชาวไทยที่อาศัยใน กทม. ที่ชินกับการสั่งอาหารมากินและกินข้าวนอกบ้าน สิ่งหนึ่งที่อาจต้องฝึกก่อนการ "หาของถูกตามซูเปอร์" คือ "การทำอาหารกินเอง" ซึ่งถ้าเราเริ่มหาเมนูและทำประจำ เราจะเริ่มเสียเวลากับมันน้อยลง ซึ่งเราก็จะตระหนักเช่นกันว่า ในยุคที่อาหารการกินนอกบ้านแม่งอย่างโหดแบบทุกวันนี้ จริงๆ นี่อาจเป็นเทคนิคลดรายจ่ายที่ดีมากๆ ก็ได้ เพราะคนทำงานหลายๆ ออฟฟิศก็เรียกได้ว่าห่างไกลแหล่งอาหารราคาถูกจริงๆ
อ้างอิง
ดัชนีราคาผู้บริโภค/เงินเฟ้อ (CPI)
Some budget experts say 'Stick to your grocery list.' Ignoring that advice has saved me up to 80% on my grocery bills.
อ่านบทความอื่นๆ ของผู้เขียน